xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป)ทิ้งงานเงินเดือนมาเป็นพ่อค้า หมีข้าวโพดคลุกเนยเพิ่ม “ชีสลาวา” ขายดีมากจนต้องขยายสาขา!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



“ก่อนหน้านี้ก็ขายดี ได้วันละไม่ต่ำกว่า 20 กิโลแล้วมาเพิ่มข้าวโพดอบชีสตามที่ลูกค้าแนะนำด้วย ลูกค้าบางคนกินไปติดใจก็ไปรีวิวต่อ ๆ ทำให้คนมากันปากต่อปาก ด้วยรสชาติความอร่อยของมันลูกค้าก็ติดมาถึงตอนนี้ ทำให้เราเปิดมาได้ 2 สาขาแล้วในเวลา 6 เดือน”


เคน-ธนาธร มั่นวาที อายุ 22 ปีเจ้าของร้านข้าวโพดคลุกเนย “หมีข้าวโพด” บอกกับเราว่า ด้วยความที่ตนเองเคยฝึกทำอาชีพค้าขายมาตั้งแต่ยังเด็ก ตอนนั้นเรียนจบ ม.3 แล้วต่อเข้า ปวช.พอตอนบ่ายก็มาเข็นข้าวโพดขายด้วย จนกระทั่งจบ ปวช.แล้วก็เลยอยากจะทำงานบ้าง เพราะรู้สึกว่าตัวเองโตแล้วก็อยากจะทำงานเหมือนกับคนอื่น ๆ แต่ว่าพอไปทำงานได้สักพักหนึ่งซึ่งในช่วงนั้นก็เรียนต่อ ปวส. ควบคู่ไปด้วยอีก เริ่มเบื่อสังคมการทำงานแล้ว พอดีกับช่วงนั้นก็เรียนจบ ปวส.ด้วยเลยคิดว่าออกจากงานดีกว่า กลับมาขายของอาชีพที่เราคุ้นเคย ปรากฏว่าพอออกมาขายได้สัก 3-4 เดือนข้าวโพดก็เริ่มดังขึ้นมา! ถือว่าเป็นรายได้ที่ดีเลยหลังจากที่ลาออกจากงานมา ก็ปัง! เลย ซึ่งส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากการขายในราคาที่ไม่แพง เข้าถึงง่าย ก็คือว่าราคาไม่ได้แรงจนเกินไป ขายของตลาดนัดถ้าขายในราคาถูก ลูกค้าก็จะเข้าถึงง่าย ขายราคา 20 กับ 39 บาท

ข้าวโพดอบชีสเป็นเมนูใหม่ เราเพิ่งคิดขึ้นมาคิดมาจากการแนะนำของลูกค้านะครับ เราขายข้าวโพดอบเนยธรรมดาก่อน ขายมาได้สัก 2-3 เดือนมีลูกค้าประจำเริ่มติด ลูกค้าประจำก็เอาชีสมาบอกอยากกินแบบใส่ชีส ผมก็เลยบอกถ้าลูกค้าอยากกินลูกค้าก็เอามาเดี๋ยวผมจะลองทำให้ ก็ลองทำให้ พอลูกค้าคนหนึ่งเห็นลูกค้าคนต่อไปก็อยากทานบ้าง อีกวันหนึ่งก็ลองเอามาขายดู พอเอามาขายก็ขายได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่พอลูกค้าบางคนกินไปติดใจก็ไปรีวิวกันต่อ ๆ ทำให้คนมากันปากต่อปาก ด้วยรสชาติความอร่อยของมันลูกค้าก็ติดมาตอนนี้ครับ ทำให้เราเปิดมาได้ 2 สาขาแล้ว”


ทำมายังไม่ถึงปี ขายดีจนต้องขยายสาขา!
เจ้าของแบรนด์ “หมีข้าวโพด” เล่าให้ฟังอีกว่า เริ่มต้นเลยขายอยู่ที่ตลาดนัดอินดี้ดาวคะนองก่อน จนมาถึงตอนนี้ก็ขายได้ประมาณ 6-7 เดือนแล้ว แล้วก็มามีสาขา 2 ได้เดือนกว่าแล้วที่นี่ ตลาดนัดสายใต้ใหม่ เริ่มขยายเพราะที่โน่นลูกค้าเยอะเริ่มรับไม่ไหวแล้ว ก็เลยอยากจะกระจายลูกค้ามาให้ทั่วถึงมากขึ้น “ปกติก่อนที่จะดังขายได้ วันละ 20 โลอยู่แล้วทุกวัน หมายถึงข้าวโพดแกะเมล็ดนะครับ ไม่มีแกนเป็นเมล็ดล้วน ๆ เลย 20 กิโล ได้ทุกวันอยู่แล้วแน่นอน ขายทุกวันขายแบบขายไปเรื่อย ๆ จนกว่าของจะหมด เปิดร้าน 6 โมงเย็นถึง 5 ทุ่ม แต่ว่าบางที 3 ทุ่มครึ่งของก็หมดแล้ว ไม่เหลือแล้ว จะขึ้นอยู่กับว่าของหมดเร็วหมดช้า ซึ่งทุกวันนี้วันละ 50-80 กิโลได้แน่นอนอยู่แล้ว แต่ว่ามากกว่านั้นก็แล้วแต่ว่าเป็นวันหยุด วันเสาร์-อาทิตย์แล้วแต่ มากสุดก็ 90 โล 80 โล อะไรอย่างเงี้ยครับได้อยู่ ประมาณ 90 โล เพราะว่า 80 โลนี่ลูกน้องในร้านก็แทบจะขาดใจตายอยู่แล้ว ขนาดเจ้าของร้านเองก็ยังมือบวมตอนนี้”


ข้าวโพดคลุกเนยที่แสนธรรมดา แต่ว่ามี “ท็อปปิ้ง” และราคาเลือกชิมได้
เมนูข้าวโพดที่ขายอยู่ อบเนยจะมีไซส์เล็กกับไซส์ใหญ่ ไซส์เล็ก 20 บาท ไซส์ใหญ่ 39 บาท ท็อปปิ้งลูกค้าเลือกได้เพิ่มอีกอย่างละ 10 บาท ในราคา 10 บาทนี่คือจะให้แบบจุก ๆ กันไปเลย มีแอบมอนด์ ช็อกชิพ นูเทลลา เยลลี่ ไวท์ช็อก ฯลฯ มีให้เลือกหลากหลายอย่างมาก หรือถ้าชีสก็เป็นชีสเลย เป็นข้าวโพดอบชีส

จากวัตถุดิบหลักของเมนู คือ ข้าวโพด เนย นม น้ำตาล เกลือ แค่นี้! ใช้ตามปกติทั่วไปเลย แต่ถ้าเป็นเมนูอบชีสก็จะใช้ข้าวโพด 50 กิโลต่อปริมาณชีสก็ประมาณ 20 กิโลกรัม “ถ้าเป็นลูกค้าที่เป็นวัยมีอายุหน่อย ก็จะกินข้าวโพดธรรมดา แต่ว่าถ้าเป็นวัยรุ่นก็จะแบบกินใส่ชีสหรือเพิ่มท็อปปิ้งด้วยอย่างเงี้ยครับ เราจะให้แบบจุก ๆ เลยไม่หวงของอยู่แล้ว คนทำกับคนปิดฝาจะทะเลาะกันเพราะว่าคนปิดฝาปิดไม่ได้ คนทำให้เยอะ แล้วมันจะล้น”


มีปัญหาเรื่องวัตถุดิบบ้าง ส่วนนอกนั้นรายได้สอบผ่านฉลุย!
ปัญหาก็มีบ้าง เพราะวัตถุดิบหลักที่ใช้ก็คือ “ข้าวโพด” ซึ่งอยู่ในกลุ่มของพืชผักผลไม้จะมีปัญหาคือว่า ของขาดตลาดแค่นั้นเลยบางช่วงข้าวโพดราคาแพง ข้าวโพดขาดตลาด เป็นปัญหาที่หนักเลย หรือถ้าแพงก็คือว่าขึ้นมาเท่าตัวเลย สมมุติกิโลกรัมละ200 ก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 400 ขึ้นมาเป็นเท่าตัวเลย สาเหตุก็มาจากเช่นว่า น้ำท่วม หรืออากาศเย็นมาก ๆ ซึ่งข้าวโพดคือว่าไม่มาแน่!การลงทุนวัตถุดิบต่อวันจะค่อนข้างสูงอยู่พอสมควร เพราะข้าวโพดราคาจะสวิงอยู่ตลอด ลงทุนเป็นหลักหมื่นต่อวันที่ใช้ 2 สาขา เฉพาะค่าวัตถุดิบในส่วนที่เป็นข้าวโพดอย่างเดียว

“ถ้าข้าวโพดหมด 50 โลกำไรได้ประมาณวันหนึ่งมี 5,000-6,000 ได้แน่นอน ถ้าว่าเราไม่ได้ลงอะไรเพิ่มเติมพิเศษเพิ่มขึ้นมา ได้แน่นอนของหมดเกลี้ยงได้แน่นอน 5,000-6,000 ต่อวัน แต่ถ้าไม่หมดมันไม่ถึงขาดทุน มันก็จะได้ประมาณ 2,000 หรือ3,000 แล้วแต่วัน แล้วแต่ว่ารายจ่ายเรามากน้อยต่อวัน แต่มี1,000 ขึ้นแน่นอน การเลือกทำเล การเชิญชวนลูกค้า การโปรโมท การขายในตลาดนัดแบบนี้ต้องเลือกจุดที่ลูกค้าเดินผ่าน เดินผ่านบ่อย ๆ ถ้าลูกค้าเดินผ่านลูกค้าจะติดตา และก็ทำแบรนด์ให้น่าสนใจ ลูกค้ามองลูกค้าก็จะเอ๊ะอะไร แปลกใหม่น่ากิน ก็จะเดินเข้ามาลองกิน แล้วทำของให้อร่อยพอเวลาครั้งแรกที่กินด้วยความสะดุดตา ครั้งต่อไปเขาจะมากินด้วยความติดใจ”

เจ้าของ “หมีข้าวโพด” บอกด้วย การเลือกตลาดจะเลือกตลาดที่มีทุกอย่าง มีครบทุกอย่าง มีของกิน มีเสื้อผ้า ร้านอาหาร มีหมดเพราะว่ายังไงคนมาเดิน ข้าวโพดเป็นของกินเล่นไม่ได้เป็นอาหารหลัก ลูกค้าเดินเลือกเสื้อผ้าแต่ว่าใจบางทีไม่ได้หิวข้าวหรอกแต่เห็นข้าวโพดอยากกินของกินเล่น ซื้อเลย 20 บาทแก้วเดียวเดินกินไปเลือกเสื้อผ้าไป หรืออย่างบางคนมากินข้าวเสร็จอยากกินขนมหวานต่อ แต่ไม่อยากกินอะไรเยอะ ๆ ข้าวโพดแก้วเล็กแก้วเดียว 20 บาท โอเคกินง่าย สบาย


ให้เยอะแบบจุก ๆ ทีเด็ดมัดใจลูกค้า ในราคาง่าย ๆ
“ลูกค้าไม่ต้องลังเลมันแค่ 20 บาท แก้วนึงแก้วเล็ก ๆ บางคนไม่ได้อยากกินมาก อยากกินแค่พอหายอยาก มันเลยขายได้เรื่อย ๆ ถ้าอะไรที่เราทำเนี่ยรอบแรกทำคนจะทำตามหมด หมายถึงว่าอะไรที่มันเริ่มเป็นกระแสขึ้นมา คนอื่นจะเริ่มมีมาเพิ่มขึ้นละ จากเป็นแบรนด์แรกก็จะมีเพิ่มมาอีก5 6 7 แบรนด์เพิ่มตามเข้ามา”


ก่อนหน้าที่เห็นทำอยู่ก่อน คือของเซเว่นฯ ใส่แก้วเป็นแบบเข้าเวฟ เป็นคอร์นชีส แต่เป็นข้าวโพดแบบฝานในขณะที่หมีข้าวโพดจะเป็นแบบแกะเมล็ด แต่ว่าหลังจากที่หมีข้าวโพดเริ่มมีกระแสขึ้นมาตอนนี้ “ข้าวโพดอบชีส” เต็มตลาด! เต็มแทบจะล้นแล้ว “แต่ของเราความต่างคือจะให้ของแบบจุก ๆ ให้ของแบบแน่น ๆ แล้วก็ราคาเราไม่ได้แรงมาก ราคาเราราคาตลาด ลูกค้าจะเข้าถึงง่าย ในราคาง่าย ๆ “


ทำในสิ่งที่แตกต่าง และไม่หยุดที่จะพัฒนาต่อไป
เจ้าของร้านข้าวโพดคลุกเนยแบรนด์ “หมีข้าวโพด” ยังได้บอกถึงแนวคิดในการทำมาหากินของตนเองให้ฟังด้วยว่า “แนวคิดของผมสมมุติผมมาเดินตลาดเนี่ย ผมจะดูว่าในตลาดนั้นไม่มีอะไรขาย ถ้าตลาดนั้นมีอะไรขายผมจะไม่ขายเหมือนคนในตลาดนั้น ผมจะทำในสิ่งที่คนอื่นเขาไม่ทำ อะไรที่คนอื่นเขาทำผมจะไม่ทำเลย ถ้าเราทำสิ่งที่คนอื่นเขาทำอยู่แล้ว เราก็จะเป็นเหมือนเดิมทุกอย่างมันก็จะสบาย ๆ ง่าย ๆ ไม่มีอะไรเป็นสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นมา แต่ถ้าเราทำอะไรที่แบบคนอื่นเขาไม่เคยทำ แล้วพอเราเริ่มทำมันก็จะมีผลดีกับเรา เหมือนเป็นสิ่งใหม่ที่เข้ามาทำให้คนได้รู้จักเรา”


เจ้าของแบรนด์ “หมีข้าวโพด” ยังบอกด้วย โดยสิ่งสำคัญที่ทำให้เรายังคงสามารถครองใจของลูกค้าต่อไปได้ก็คือว่า การรักษาคุณภาพ คุณภาพวัตถุดิบ คุณภาพรสชาติไว้ของเราเหมือนเดิม เพราะเรามีลูกค้าเก่าที่ติด ส่วนคนอื่นที่เปิดใหม่เรารู้สึกว่า มันเป็นสิ่งที่ดีนะ ที่ว่าเราเริ่มทำแล้วให้คนอื่นได้ทำตามเรา เพราะว่าธุรกิจมันเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้วที่เรามีคู่แข่ง มันทำให้เราได้พัฒนาตลอด

สอบถามเพิ่มเติมโทร. 094-440-2414 fb : หมีข้าวโพด-meekhawpos



* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *
กำลังโหลดความคิดเห็น