xs
xsm
sm
md
lg

“กทพ.-บช.ก.” MOU เชื่อมข้อมูลระบบทางด่วน ช่วยสแกนรถผิดกฎหมายแบบเรียลไทม์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



"กทพ.-ตำรวจสอบสวนกลาง" MOU เชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ ส่งต่อข้อมูลอาชญากรรม ใช้ AI ช่วยสแกนรถทำผิดกฎหมาย ถูกขโมย แบบเรียลไทม์ 24 ชม.

วันที่ 21 พ.ย. 2565 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์และแลกเปลี่ยนข้อมูลในระบบสารสนเทศ ระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในการให้บริการของภาครัฐ เพื่อให้การดำเนินงานและการบูรณาการระหว่างหน่วยงานต่างๆ เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ปัจจุบันมีปริมาณผู้ใช้ทางด่วนเฉลี่ยมากถึง 1.8 ล้านคันต่อวัน ซึ่งที่ผ่านมา กทพ.มีการพัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทัลและระบบต่างๆ มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และยกระดับการให้บริการให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด


สำหรับการลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความร่วมมือในการเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์และแลกเปลี่ยนข้อมูลในระบบสารสนเทศ ระหว่าง กทพ.กับ บช.ก. โดย กทพ.จะทำการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลของผู้ใช้ทางพิเศษและข้อมูลอื่นๆ จากฐานข้อมูลระบบจราจรอัจฉริยะที่มีอยู่ในระบบสารสนเทศ ได้แก่ ฐานข้อมูลระบบจราจรอัจฉริยะ (ITS Center) ฐานข้อมูลระบบ Data Exchange Center และฐานข้อมูลระบบ Automatic Lane Control

ในขณะที่ บช.ก.จะจัดให้มีมาตรการในการปกป้องคุ้มครองข้อมูลดังกล่าวมิให้ถูกละเมิด เป็นไปตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนดว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์ข้อมูลอาชญากรรม อันจะนำมาซึ่งประสิทธิภาพ ในการสืบสวน ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม อำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน และนำมาซึ่งความมั่นคงและความปลอดภัยของสาธารณะ


"การบูรณาการความร่วมมือเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์และแลกเปลี่ยนข้อมูลในระบบสารสนเทศระหว่าง กทพ.กับ บช.ก.ครั้งนี้ ถือเป็นเป็นมิติใหม่ในการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ในการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนให้เกิดการบูรณาการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ประชาชน" รมว.คมนาคมกล่าว


นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าฯ กทพ. กล่าวว่า ปกติ กทพ. และตำรวจประสานงานข้อมูลเป็นรายกรณี แต่หลังจากนี้การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่าง กทพ.กับตำรวจสอบสวนกลางจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ กรณีมีเหตุ รถผู้ต้องสงสัย ทางตำรวจสามารถเข้ามาดูฐานข้อมูลรถบนทางด่วนได้เลย ซึ่งฐานข้อมูลของตำรวจสอบสวนกลางเป็น Big Data กรณีที่มีรถที่ผิดกฎหมาย ก่ออาชญากรรม จะส่งต่อเข้าระบบของ กทพ. ตรวจเช็กได้ทันทีหากรถที่ระบุเข้าทางด่วนจะสามารถตรวจพบทันที จะทำให้การตรวจจับผู้ก่ออาชญากรรมได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า บช.ก.มีฐานข้อมูลอาชญากรรม กรณีเกิดเหตุจะประสานข้อมูลกับ กทพ.เป็นกรณีๆ อาจจะล่าช้า กับสถานการณ์ แต่เมื่อได้มีการเชื่อมข้อมูลระหว่างกัน และใส่ข้อมูลในระบบ AI ว่าต้องการให้ตรวจเช็กอะไรบ้าง จะเป็นการป้องกันปราบปราม ตรวจจับได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

“กรณีตำรวจมีข้อมูลคนร้าย หรือเกี่ยวกับอาชญากรรม ก็จะใส่ข้อมูลในระบบทางด่วนไว้เลย สแกนตลอด 24 ชม. 7 วัน ซี่งเป็นการใช้ระบบ AI มาช่วยตรวจสอบ ทำให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น มีรถแจ้งหาย 2,000 คันต้องใช้กำลังคนจำนวนเท่าไรมาคอยตรวจกล้อง ดูหน้าด่าน แต่หากใส่ทะเบียน ลักษณะรถไว้ในระบบ AI เทคโนโลยีสมัยใหม่จะช่วยเราตรวจ ผ่านมาก็แจ้งเตือนทันที”
กำลังโหลดความคิดเห็น