xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์” เร่งเคาะส่วนต่างหลัง ครม.ไฟเขียวประกันรายได้ข้าวปี 4 คาดชาวนาได้เงิน 22 พ.ย.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



กรมการค้าภายในเดินหน้าเคาะราคาส่วนต่างในโครงการประกันรายได้ ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. 65 เพื่อจ่ายชดเชยให้เกษตรกร หลัง ครม.มีมติเดินหน้าประกันรายได้ข้าวปีที่ 4 แล้ว คาด ธ.ก.ส.จ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกร 22 พ.ย.นี้ รวมถึงเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท พร้อมเตรียมลุยมาตรการคู่ขนานดันราคาข้าวช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ทั้งเก็บข้าวในยุ้งฉาง ช่วยดอกเบี้ยสหกรณ์ โรงสี เพื่อซื้อข้าว

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้กำหนดประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เพื่อพิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2565/66 หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2565 ได้อนุมัติให้เดินหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีที่ 4 โดยจะกำหนดราคาส่วนต่างที่จะต้องจ่ายชดเชยให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ย้อนหลังไปจนถึงวันที่ 15 ต.ค. 2565 ซึ่งเป็นงวดแรก และพิจารณางวดถัดไปที่จะจ่ายทุก 7 วัน รวมจ่ายทั้งสิ้น 33 งวดจนจบโครงการ

สำหรับการประกันรายได้ข้าวเปลือก 5 ชนิด กำหนดราคาประกันรายได้และจำนวนสิทธิ ดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท รายละไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท รายละไม่เกิน 16 ตัน ข้าวเปลือกปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท รายละไม่เกิน 25 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท รายละไม่เกิน 30 ตัน และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท รายละไม่เกิน 16 ตัน

นายวัฒนศักย์กล่าวว่า กรมฯ ยังได้เตรียมการเพื่อเดินหน้ามาตรการคู่ขนานที่จะช่วยดึงราคาข้าวเปลือกในช่วงที่ผลผลิตข้าวออกสู่ตลาดมาก โดยมี 3 มาตรการ ได้แก่ 1. มาตรการชะลอขาย โดยให้เกษตรกรเก็บเกี่ยวและจัดเก็บไว้ในยุ้งฉาง เป้าหมาย 2.5 ล้านตัน โดยรัฐบาลช่วยค่าฝากเก็บ 1,500 บาท/ตัน 2. มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการรวบรวมของสหกรณ์ โดยช่วยดอกเบี้ยร้อยละ 3 ไม่เกิน 12 เดือน และ 3. มาตรการเพิ่มสภาพคล่อง โดยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกและเก็บสต๊อก เป็นระยะเวลา 2-6 เดือน ซึ่งรัฐจะช่วยดอกเบี้ยร้อยละ 3

ส่วนโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยช่วยลดต้นทุนการเพาะปลูกไร่ละ 1,000 บาท กำหนดไม่เกินรายละ 20 ไร่ หรือไม่เกิน 20,000 บาท/ครัวเรือนนั้น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้ต่อกรมส่งเสริมการเกษตรโดยตรง

“คาดว่าการจ่ายเงินส่วนต่างโครงการประกันรายได้ และการช่วยไรละ 1,000 บาท ธ.ก.ส.จะเริ่มจ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย. 2565 เป็นต้นไป จึงขอให้เกษตรกรตรวจสอบชื่อบัญชี ธ.ก.ส. ให้ตรงกับชื่อที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกร โดยสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ ธ.ก.ส. หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่” นายวัฒนศักย์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น