xs
xsm
sm
md
lg

คริปโตกับการฟอกเงิน : ความจริงที่ยากจะรับฟัง / ยาเร็ก ยาคุบเช็ค

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


ยาเร็ก ยาคุบเช็ค หัวหน้าหน่วยข่าวกรองและการสืบสวน ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคของไบแนนซ์
ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ซึ่งก็รวมถึงอุตสาหกรรมคริปโตหรือไบแนนซ์ (Binance) ด้วย แต่ไบแนนซ์ได้มีการปรับปรุงและพัฒนา เพื่อให้สามารถเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดมาตลอดสามปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม คริปโตก็ยังถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ ทำให้ทีมงานไบแนนซ์ได้ทำงานกันอย่างหนักเพื่อมองหากรอบการกำกับดูแลที่เหมาะสม เช่นเดียวกับหลายหน่วยงานกำกับดูแลและผู้กำหนดนโยบายทั่วโลกได้ดำเนินการพัฒนากรอบการกำกับดูแลที่เหมาะสมอยู่ในขณะนี้

ยาเร็ก ยาคุบเช็ค หัวหน้าหน่วยข่าวกรองและการสืบสวน ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคของไบแนนซ์ เปิดเผยต่อ iBit ว่าจากข้อมูลของ Chainalysis บริษัทผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์คริปโตและบล็อกเชน พบว่า ธุรกรรมทั้งหมดบนคริปโตเคอเรนซีในปี 2021 มีสัดส่วนธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ผิดกฎหมายบางประเภทอยู่ที่ 0.15% ขณะที่ทางสหประชาชาติได้ประเมินการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมายของสกุลเงินแบบดั้งเดิมหรือเงินสด อยู่ที่ 2 - 5% คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 8 แสนล้านดอลลาร์ถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน ข้อมูลเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นว่าธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตนั้นมีทั้งความโปร่งใสและอิสระมากกว่าระบบเศรษฐกิจแบบดั้งเดิม ตลอดจนการบันทึกการทำธุรกรรมที่เป็นไปอย่างละเอียดและสามารถตรวจสอบได้

อย่างไรก็ตามแม้จะกล่าวว่าคริปโตเป็นเครื่องมือสำหรับการฟอกเงินที่ไม่เหมาะสมนัก อันสืบเนื่องมาจากสาเหตุหลายประการ

ข้อแรก คริปโตมีระบบ KYC ที่เข้มงวด ซึ่งแตกต่างจากระบบการเงินแบบดั้งเดิม ที่คุณสามารถเปิดบัญชีธนาคารได้ง่ายๆ เพียงแค่ใช้เอกสารระบุตัวตนปลอมไปแสดงที่ธนาคารท้องถิ่นขนาดเล็กหรือระดับภูมิภาคเท่านั้น

ข้อสอง คุณไม่สามารถโอนย้ายเงินจำนวนมากไปยังคริปโตได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น และ

ข้อสาม เงินบนคริปโตสามารถติดตามได้ แม้แต่สิ่งที่เรียกว่า “เหรียญที่ไม่ระบุตัวตนของผู้ใช้ (privacy coins)” ก็ล้วนแล้วแต่มีความโปร่งใสและติดตามได้ง่ายกว่าเงินสดทั่วไป

ด้วยเหตุนี้ เทคโนโลยีบล็อกเชนจึงได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดสำหรับการบังคับใช้กฎหมาย ต่างจากเงินสดซึ่งแทบจะติดตามไม่ได้เลย และด้วยลักษณะเด่นของการที่ผู้ใช้ไม่สามารถแก้ไขข้อมูลการทำธุรกรรม พร้อมทั้งข้อมูลต่างๆ ต้องได้รับการเปิดเผยสู่สาธารณะเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงและตรวจสอบได้ ทำให้คริปโตกลายเป็นทางเลือกที่ไม่เหมาะสำหรับการฟอกเงิน เพราะบล็อกเชนจะช่วยให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างโปร่งใส เปิดเผยได้ และติดตามการฟอกเงินได้ง่ายกว่าการทำธุรกรรมเงินแบบดั้งเดิม

การสนับสนุนภาครัฐเพื่อต่อต้านอาชญากรรม

ในความเป็นจริงแล้ว ไบแนนซ์ มีระบบป้องกันการฟอกเงินที่ซับซ้อนที่สุดในโลก รวมถึงยังมีการว่าจ้างเจ้าหน้าที่ผู้มากประสบการณ์ด้านการต่อต้านการฟอกเงินทั้งในอุตสาหกรรมคริปโตและอุตสาหกรรมอื่นๆ ตลอดจนมีการเผยแพร่ข้อบังคับใช้ทางกฎหมายและข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงอยู่เสมอ เพื่อช่วยพวกเขาในการตรวจจับและยับยั้งการก่ออาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นจากการที่ธุรกรรมบนบล็อกเชนไม่สามารถแก้ไขได้ พร้อมทั้งข้อมูลยังได้รับการเปิดเผยอย่างเต็มที่ ทำให้การฟอกเงินคริปโตสามารถถูกติดตามและขัดขวางได้อย่างง่ายดาย แตกต่างจากการฟอกเงินสดผ่านธนาคาร ซึ่งหากเกิดข้อพิพาทขึ้นบนไบแนนซ์โดยตรงก็สามารถนำบันทึกธุรกรรมมาใช้เพื่อยืนยันหรือหักล้างข้อพิพาทได้

ไบแนนซ์ใช้งบลงทุนหลายสิบล้านดอลลาร์ในการว่าจ้างและจัดหาทีมนิติกรไซเบอร์ที่มีความเก่งกาจมากที่สุดในโลก ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยและอุตสาหกรรมคริปโตกว่า 120 คนทั่วโลก รวมถึงอดีตผู้ตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายอาวุโสจาก ไออาร์เอส (IRS), เอฟบีไอ (FBI) และหน่วยสืบราชการลับในหน่วยงานตำรวจของสหรัฐอเมริกา ยูโรโพล (Europol) สำนักงานตำรวจของประเทศในยุโรป อาทิ เนเธอแลนด์ และสหราชอาณาจักร ตลอดจนหน่วยงานระดับชาติในทวีปเอเชียและลาตินอเมริกา

"สำหรับตัวผมเอง ผมได้ลาออกจากสำนักงานตำรวจสหภาพยุโรป หรือยูโรโพลเมื่อปีที่แล้ว หลังจากที่ทำงานในหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศดังกล่าวมานานกว่า 12 ปี เพื่อมาร่วมงานกับไบแนนซ์ ซึ่งผมไม่รู้สึกลังเลเลยในการตัดสินใจ เพราะผมทราบดีว่าจะได้ร่วมงานกับอดีตเพื่อนร่วมงานคนสนิทหลายคนที่เคยทำงานด้วยกันในคดีอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลมาตั้งแต่ปี 2013 แม้ว่าการที่พวกเราย้ายมาร่วมงานกับไบแนนซ์จะทำให้บางคนประหลาดใจ แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนโดยตรง รวมถึงผู้บังคับใช้กฎหมาย และอัยการกลับไม่ได้รู้สึกประหลาดใจมากนัก เพราะพวกเขารู้ว่าเราไม่ได้แค่ทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุด แต่ไบแนนซ์ยังเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญในด้านความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ มากที่สุดในอุตสาหกรรมด้วยเช่นกัน"

นอกจากการสนับสนุนในเชิงปฏิบัติการแล้ว เรายังเห็นความจำเป็นของการศึกษาเรื่องสกุลเงินดิจิทัลที่มีต่อหน่วยงานภาครัฐ ด้วยเหตุนี้ ทีมสืบสวนของไบแนนซ์จึงได้เริ่มจัดการฝึกอบรมและการประชุมให้กับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั่วโลก โดยปัจจุบันเราได้จัดการฝึกอบรมหรือเวิร์กช็อปในหลายประเทศทั่วยุโรปและอเมริกา และจากการตอบรับที่ดีนี้ ทำให้เราวางแผนจัดกิจกรรม LE (Law Enforcement) อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ชุมชนต่างๆ ร่วมหารือเกี่ยวกับบล็อกเชน สกุลเงินดิจิทัล และนโยบายต่อต้านการฟอกเงิน (AML) ของไบแนนซ์อีกด้วย

การปกป้องผู้ใช้

ไบแนนซ์เชื่อว่าหลักปฏิบัติ KYC ที่เข้มงวดมีความสำคัญต่อการปกป้องไบแนนซ์และผู้ใช้ โดยวิธีที่จะช่วยผลักดันการยอมรับ คริปโตให้แพร่หลายคือการสร้างกลไกป้องกันที่เข้มงวดขึ้นสำหรับผู้ใช้ใหม่ ซึ่ง KYC เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของกลไกป้องกันนั้น

โดยสิ่งที่มักจะถูกมองข้ามเมื่อพูดถึง “การฉ้อโกงคริปโต” คือการที่เหยื่อส่วนใหญ่เริ่มต้นทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบธนาคารแบบดั้งเดิม โดยเหยื่อที่เป็นกลุ่มเป้าหมายมักจะถูกล่อลวงผ่านโซเชียลมีเดีย อีเมล หรือ SMS ให้ส่งเงินให้อาชญากรเพื่อปลดล็อคคอมพิวเตอร์ ช่วยเหลือคนใกล้ชิด จ่ายค่าปรับเพื่อป้องกันการจับกุม เป็นต้น ซึ่งธุรกรรมทางการเงินขนาดใหญ่นี้เกิดขึ้นจากบัญชีธนาคารของเหยื่อเอง

เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต ไบแนนซ์จึงได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานตุลาการ และธนาคาร เพื่อพัฒนาระบบป้องกันการหลอกลวงพร้อมทั้งปกป้องผู้ใช้ของเรา นอกจากนี้ เรายังเดินหน้าร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโลก เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับประสิทธิภาพของ KYC รวมถึงการปรับปรุงความสามารถในการตรวจจับกิจกรรมการใช้คริปโตที่ผิดกฎหมายบนแพลตฟอร์มของเราต่อไป

แม้ว่าทีมของเราจะช่วยระบุตัวตนผู้ต้องสงสัย ซึ่งทำให้สามารถยึดเงินที่ถูกฉ้อโกงตามข่าวการจับกุมครั้งใหญ่เมื่อเร็วๆ นี้ได้ แต่ ผู้ใช้เองก็ควรจะต้องดำเนินธุรกรรมต่างๆ ด้วยความรับผิดชอบเช่นกัน เพราะไม่มีอะไรสามารถรับประกันได้ว่าความเสียหายจะได้รับการกู้คืนทุกครั้ง และการป้องกันอาชญากรรมไม่ให้เกิดขึ้นนั้นมักจะง่ายกว่าการแก้ไขปัญหาภายหลังเสมอ

คริปโตเคอเรนซีอาจจะเปิดโอกาสผู้คนสามารถควบคุมเงินลงทุนของตนเองได้โดยตรง ทว่าพลังอันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง ผมไม่ได้มีเจตนาในการให้คำแนะนำด้านการลงทุนแต่อย่างใด แต่ถ้าคุณตัดสินใจที่จะลงทุน จงดูแลให้ดี อย่าไปสนใจคนที่โทรหาหรือส่งข้อความสแปมถึงคุณ ไม่มีใครที่อุตส่าห์ลุกจากเตียงเพื่อช่วยให้คุณรวย และอย่าหลงเล่ห์กลการให้โอนเงินล่วงหน้าเพื่อรับเงินก้อนใหญ่ภายหลัง (advanced fee fraud) เพราะถ้าหากเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการบังคับใช้กฎหมายและไบแนนซ์เองก็ไม่อาจช่วยกู้คืนเงินที่เสียไปของคุณได้ ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม

ความจริงที่ยากจะรับฟัง

เรื่องจริงที่ยากจะรับฟังก็คือการฟอกเงินส่วนใหญ่ ยังคงเกิดขึ้นผ่านระบบธนาคารแบบดั้งเดิม ขณะที่ไบแนนซ์ยังเป็นหนึ่งในองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถจัดการกับอาชญากรรมทางไซเบอร์และการเงินอีกด้วย ที่ผ่านมาไบแนนซ์ได้ร่วมมือกับหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐฯ ในการระบุตัวตนและอายัติบัญชีกว่า 100 บัญชีที่เชื่อมโยงกับการฟอกเงินจากการค้ายาที่ต้องสงสัยในเม็กซิโก โดยทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานประจำวันของเราและเป็นแนวทางในการทำงานที่สะท้อนให้เห็นถึงการร่วมมือกันบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบสวนของไบแนนซ์ ยังได้เขียนคู่มือเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากการติดตามบล็อกเชนเพื่อระบุตัวตนและกำจัดอาชญากรในคริปโต ซึ่งรวมถึง Hydra Market โดยพวกเขายังคงพัฒนาทักษะเหล่านี้เพื่อนำมาใช้ปกป้องผู้ใช้ของไบแนนซ์และช่วยให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถกำหนดเป้าหมายและกำจัดผู้ที่แสวงหาประโยชน์ทางอาชญากรรมจากบล็อกเชนได้ และสำหรับไบแนนซ์แล้ว สองสิ่งที่เราจะยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องก็คือ การปกป้องผู้ใช้และสร้างอุตสาหกรรมคริปโตให้แข็งแรงนั่นเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น