ในรอบปี 2565 ที่ผ่านมา มีความเปลี่ยนแปลงของธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ที่น่าสนใจหลายประการ ทั้งการบรรลุข้อตกลงในการซื้อกิจการธุรกิจกลุ่มลูกค้าบุคคล (Consumer Banking Business) จาก ซิตี้ ประเทศไทย รวมถึงการย้ายสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ จากย่านถนนสาทรใต้มายัง ยูโอบี พลาซา กรุงเทพฯ ใจกลางถนนสุขุมวิท ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2565 ได้ประกาศเปิดตัวแอปพลิเคชัน UOB TMRW ซึ่งเป็นการควบรวมระหว่างแอปพลิเคชัน UOB Mighty กับ TMRW (ทูมอร์โรว์) ธนาคารแบบดิจิทัลแห่งแรกในอาเซียน ที่ให้บริการเมื่อปี 2562 หรือเมื่อ 3 ปีก่อน เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ในการใช้บริการทางการเงินที่ง่าย สะดวก และตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะตัวยิ่งขึ้น
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2562 ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ได้เปิดตัว TMRW ในประเทศไทยแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน เจาะกลุ่มเจนเนอเรชันวาย อายุตั้งแต่ 25-35 ปี โดยใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลตั้งแต่เปิดบัญชี สมัครผลิตภัณฑ์ โดยไม่ต้องไปสาขา มีตั้งแต่บัญชีเงินฝากแบ่งเป็น TMRW Everyday และ TMRW Savings ในรูปแบบเกม City of TMRW, บัตรเครดิต และบัตรเดบิต
หลังจากประสบความสำเร็จในไทย ได้ขยายผลิตภัณฑ์ TMRW ไปยังประเทศอินโดนีเซีย ขณะที่ธนาคารยูโอบีทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยจะมีแอปฯ หลัก UOB Mighty สามารถเช็กยอดบัญชี โอนเงิน จ่ายบิล แต่การเปิดบัญชียังต้องไปที่สาขาเช่นเดิม กระทั่งสถานการณ์โควิด-19 ฉุดให้ผู้ใช้งานดิจิทัลแบงกิ้งเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงปรับกลยุทธ์โดยการควบรวมแอปพลิเคชันขึ้น
ก่อนหน้านี้ ธนาคารยูโอบี ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นธนาคารแม่ ได้เริ่มต้นเปลี่ยนแปลงจากแอปฯ Mighty เป็น UOB TMRW เป็นแห่งแรก เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2564 โดยมีฟังก์ชันเด่นได้แก่ ข้อมูลเชิงลึกด้านการเงินส่วนตัว (Personalised money insights) รวมทั้งผลิตภัณฑ์การลงทุน Simple Invest และประกันชีวิต Simple Insure โปรแกรมสะสมและแลกคะแนน Rewards+
Mighty FX แลกเงินสำหรับใช้จ่ายผ่านบัตรที่่ต่างประเทศ และช้อปออนไลน์ ผ่านบัตรเดบิต Mighty FX Debit Card รองรับ 11 สกุลเงิน, ชำระเงินโดยใช้ PayNow (คล้ายกับพร้อมเพย์ในประเทศไทย) สแกนเพื่อชำระเงินโดยตรงจากหน้าจอเข้าสู่ระบบ และบริการถอนเงินสดไม่ใช้บัตร ที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารยูโอบีในสิงคโปร์ ซึ่งได้พัฒนารูปแบบก่อนจะนำมาใช้ในประเทศไทย
สำหรับรูปแบบของแอปฯ UOB TMRW เป็นการพัฒนาแอปฯ UOB Mighty โดยยกฟีเจอร์จากแอปฯ TMRW มาในรูปแบบอินเตอร์เฟซใหม่ ดีไซน์ล้ำสมัยแต่เรียบหรูยิ่งขึ้น พร้อมฟังก์ชันโอนเงิน จ่ายบิล พร้อมเพย์ สแกนจ่าย และไลฟ์สไตล์ ดีลในระยะ 5 กิโลเมตร สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตยูโอบี และที่สำคัญ สามารถเลือกตั้งค่าล็อกอินเข้าใช้งานด้วยรหัส PIN 6 หลักได้แล้ว
สิ่งหนึ่งที่นำมาใส่ไว้เช่นเคย คือ ระบบ AI Learning ผู้ช่วยทางการเงินที่รู้จักผู้ใช้งานผ่านการทำธุรกรรมต่างๆ สามารถช่วยประมวลผลและเตือนบิลค่าใช้จ่าย ช่วยสรุปค่าใช้จ่าย พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการด้วยไลฟ์แชตและโทรศัพท์หาเจ้าหน้าที่ผ่านแอปฯ ซึ่งสามารถโทรฟรีผ่านอินเทอร์เน็ตได้ทั่วโลก 24 ชั่วโมง แบบไม่ต้องเสียค่าโทรปกติอีกด้วย
การเปลี่ยนแปลงสู่แอปฯ UOB TMRW สะท้อนการแข่งขันของอุตสาหกรรมการเงินที่เปลี่ยนไป ลูกค้า TMRW ที่เคยสมัครเมื่อ 3 ปีก่อนเป็นต้นมาก็เริ่มเข้าสู่วัยที่เติบโตขึ้น พร้อมกับการเข้าถึงโมบายแบงกิ้งของคนทุกกลุ่ม จากการปรับตัวของพฤติกรรมในช่วงสถานการณ์โควิด-19 จึงนำไปสู่แอปฯ ใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ "ธนาคารดิจิทัลที่คิดไกลกว่า เพื่อทุกความต้องการของคุณ" รองรับลูกค้ากว่า 2 ล้านราย และไม่นับรวมลูกค้าซิตี้แบงก์ ประเทศไทย ที่จะเข้ามาอีก
สำหรับลูกค้าที่ใช้แอปพลิเคชัน UOB Mighty เดิม เปิดให้อัปเดตแอปฯ ได้แล้ววันนี้ ส่วนลูกค้า TMRW เดิม ที่สมัครตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา จะปิดให้บริการแอปฯ TMRW ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไป สามารถดาวน์โหลดแอปฯ ใหม่ ล็อกอินด้วย Username รหัสผ่านปัจจุบัน พร้อมตั้งค่า Secure PIN และเริ่มต้นใช้งานแอปฯ ได้ทันที
โดยจะมีอีเมล และจดหมายจากธนาคารส่งไปให้ เพื่อแจ้งการอัปเกรดและเปลี่ยนโฉมแอปฯ แก่ลูกค้าทุกราย อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับแอปฯ UOB TMRW ได้ที่เว็บไซต์ https://www.uob.co.th/tmrw
(เกาะกระแสธุรกิจ เศรษฐกิจสดใหม่ เรื่องราวการตลาดที่ใกล้ชิดผู้บริโภค พบกับคอลัมน์ Ibusiness review เป็นประจำทุกเช้ามืดวันพุธ ทางเว็บไซต์ ibusiness.co และเฟซบุ๊ก Ibusiness)