ไดม์ (Dime!) คนทั่วไปฟังดูแล้วอาจจะแปลกหูไปบ้าง แต่ผู้พัฒนาฯ ชี้แจงว่า คำนี้แปลว่าเหรียญ 10 เซนต์ (ประมาณ 3 บาท) สื่อถึงความตั้งใจที่จะทำให้การเงินการลงทุนเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ เข้าใจง่าย และนำไปประยุกต์ใช้ต่อได้จริง เหมือนกับเงิน 1 ไดม์ ที่ใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงได้ นำมาสู่การพัฒนาแอปฯ การเงินการลงทุนน้องใหม่ล่าสุด ในกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร
แอปพลิเคชัน Dime! (ไดม์) พัฒนาโดย บริษัท หลักทรัพย์ เคเคพี ไดม์ จำกัด (KKP Dime) เปิดให้ดาวน์โหลดเมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2565 ที่ผ่านมา ประกอบด้วย 3 ผลิตภัณฑ์ เมื่อสมัครเพียงครั้งเดียว ได้แก่ 1. บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ Dime! Save ดอกเบี้ยสูงสุด 3% ต่อปี (สำหรับวงเงินฝากไม่เกิน 30,000 บาทแรก) ฝาก โอน จ่ายเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีขั้นต่ำ
2. บัญชีหลักทรัพย์ต่างประเทศ ที่เปิดโอกาสให้ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ หุ้นสหรัฐฯ ได้ ลงทุนขั้นต่ำเพียง 50 บาท เทรดฟรีไม่มีค่าคอมมิชชันเดือนละครั้ง พร้อมโปรโมชันเปิดบัญชีภายในปี 2565 เทรดฟรีไม่มีค่าคอมมิชชันทุกรายการซื้อขาย ถึง 30 มิ.ย. 2566 และ 3. บัญชีกองทุนรวม ที่ซื้อขายกองทุนรวมได้จากทุกแห่งไม่จำกัดค่าย รวมกว่า 1,700 กองทุน จาก 21 บลจ.
ผู้สนใจดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Dime! สมัครได้ครบทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ ใช้หลักฐานเพียงแค่ข้อมูลบัตรประชาชน และยืนยันตัวตนผ่าน NDID โดยสแกนใบหน้าผ่านแอปพลิเคชันธนาคารชั้นนำ จากนั้นทำแบบประเมินความเหมาะสมเท่านั้น พร้อมภารกิจซื้อหุ้นสหรัฐฯ หรือกองทุนรวม ลุ้นรับ Dime! Lucky หุ้นสหรัฐอเมริกา มูลค่าสูงสุดถึง 200 บาทอีกด้วย
สำหรับการเปิดบัญชี พบว่าไม่ยุ่งยากตามที่กล่าวมาข้างต้น ความน่าสนใจแรกคือ บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ Dime! Save พบว่าดอกเบี้ย 3% ต่อปี สำหรับวงเงินฝากไม่เกิน 30,000 บาท ส่วนตั้งแต่ 30,000-100,000 บาท ดอกเบี้ย 1% ต่อปี และมากกว่า 100,000 บาท ดอกเบี้ย 0.5% ต่อปี เหมาะกับเป็นบัญชีพักเงินจำนวนไม่มาก แต่ได้ดอกเบี้ยสูงเมื่อเทียบกับออมทรัพย์ธรรมดา
เลขที่บัญชี 10 หลักจะอยู่ในแอปฯ Dime! สามารถโอนเงินจากธนาคารอื่นมาที่บัญชีนี้โดยเลือก "ธนาคารเกียรตินาคินภัทร" รวมทั้งสามารถฝากเงินผ่านสาขาของธนาคารเกียรตินาคินภัทร รวมทั้งสมัครบริการ KKP พร้อมเพย์ ผ่านสาขาของธนาคารได้ นอกจากนี้ สามารถแลกเงินไปยังบัญชี Dime! USD เพื่อใช้ลงทุนในหุ้นสหรัฐอเมริกาได้อีกด้วย
บัญชีนี้ไม่สามารถสมัครบริการได้บางประเภท เช่น บัตรเดบิต, KKP-e Banking กรณีไม่มีรายการเคลื่อนไหวตั้งแต่ 24 เดือนขึ้นไป และมียอดเงินคงเหลือในบัญชีต่ำกว่า 1,000 บาท คิดค่ารักษาบัญชี 50 บาทต่อเดือน
บัญชีหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Offshore Account) สามารถลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ได้โดยเริ่มต้น 50 บาท โดยสังเกตสัญลักษณ์ "50 บาทก็ลงทุนได้" เช่น หุ้น AAPL ของค่ายแอปเปิ้ล พร้อมทั้งมี Dime! Fast ซื้อหุ้นด้วยเงินบาท สามารถแลกเงินบาทเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ แล้วซื้อหุ้นต่างประเทศได้ทันที ไม่ต้องรอ 2 วันทำการ ทำรายการได้สูงสุด 150,000 บาทต่อวัน
ค่าธรรมเนียมการซื้อขายหุ้นสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย ค่าคอมมิชชัน ขณะนี้เทรดฟรีไม่มีค่าคอมฯ ทุกรายการซื้อขายถึง 30 มิ.ย. 2566, ค่าธรรมเนียมตลาดหลักทรัพย์ (SEC Fee) เรียกเก็บโดยตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา 0.00051% ของมูลค่าหุ้นที่ขาย และค่าธรรมเนียมการขาย (TAF Fee) 0.000119 USD ต่อการขายหุ้น 1 หุ้น แต่ไม่เกิน 5.95 USD ต่อการขาย 1 ครั้ง ไม่มีค่าธรรมเนียมแลกเงินหรือโอนเงิน ไม่มีค่าธรรมเนียมยื่นแบบภาษี W-8BEN และไม่มีค่าธรรมเนียมอื่นๆ
ส่วนบัญชีกองทุนรวม (Mutual Fund Account) ลงทุนได้มากกว่า 1,700 กองทุนจาก 21 บลจ. พร้อมรับเงินค่าขายคืนไวกว่า ด้วยบริการ Dime! Fast ได้รับเงินภายใน 1-3 วันทำการ (เฉพาะกองทุนรวมที่จัดสรรหน่วยลงทุนไม่เกิน 2 วันทำการ) จากปกติต้องรอสูงสุดถึง 7 วันทำการ และมีเมนู Dime! Mutual Fund Pick สำหรับคนที่เลือกลงทุนตามคำแนะนำ ด้วยกองทุนรวมที่เน้นการเติบโต กองทุนรวมที่จ่ายปันผล กองทุนรวมความเสี่ยงต่ำ หรือมองหาธีมการลงทุนต่างๆ
สำหรับคุณสมบัติผู้ที่เปิดบัญชี จะต้องมีสัญชาติไทย และมีบัตรประชาชนไทย อายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี ไม่ใช่พลเมืองสหรัฐอเมริกา และไม่เป็นบุคคลที่ถูกกำหนด และบุคคลที่มีความเสี่ยงตามนโยบายภายในของบริษัทฯ ที่สำคัญ จะต้องยอมรับความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศได้ (หากเลือกไม่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ จะเปิดบัญชีลงทุนในหุ้นต่างประเทศไม่ได้)
ถามว่า Dime! เหมาะกับใคร ... เหมาะสำหรับนักลงทุนรายย่อย ที่เลือกลงทุนได้ตามความถนัดของตัวเอง เช่น บัญชีเงินฝากสูงสุด 3% ต่อปี และคนที่ยอมรับความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนได้ ก็สามารถลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้ ด้วยค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก จากปกติมักบังคับจำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำที่สูง แฝงด้วยค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่าย การทำเอกสารหลายขั้นตอน
สำหรับผู้ที่ต้องการกระจายการลงทุน แต่ไม่มีเวลาติดตามหุ้นรายตัว และผู้ที่ต้องการซื้อกองทุนรวมเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี ยังสามารถลงทุนในกองทุนรวมได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีบทความที่ให้ความรู้ทางการเงินได้ฟรีทันที ทำให้การเงินเป็นเรื่องง่ายที่สุดสำหรับทุกคน และในอนาคตจะพัฒนาผลิตเพิ่มเติม ทั้งด้านกองทุน บัตรเครดิต และไมโครประกันภัย เป็นต้น
ถือเป็นแอปฯ การออมและการลงทุนน้องใหม่ สำหรับคนรุ่นใหม่ ที่น่าจับตามองในขณะนี้
(เกาะกระแสธุรกิจ เศรษฐกิจสดใหม่ เรื่องราวการตลาดที่ใกล้ชิดผู้บริโภค พบกับคอลัมน์ Ibusiness review เป็นประจำทุกเช้ามืดวันพุธ ทางเว็บไซต์ ibusiness.co และเฟซบุ๊ก Ibusiness)
