xs
xsm
sm
md
lg

ส่อง 10 หุ้น พี่หรั่งเทขายออกมากสุด 5 วันที่ผ่านมา หลังกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ตลาดหุ้นไทยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (12-16 กันยายน 2565) มีการปรับตัวลงตามรับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ที่ร่วงแรง หลังจากที่นักลงทุนกังวลต่อเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ธนาคารเฟด หรือธนาคารสหรัฐฯ เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นที่ระดับ 0.75% บวกกับเมื่อวันที่ 16 กันยายน ที่ผานมา อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 36.98 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งถือว่าอ่อนค่าสูงสุดในรอบ 16 ปี และมีโอกาสอ่อนตัวใกล้แตะระดับ 37 บาทต่อดอลลาร์ เป็นเหตุให้นักลงทุนต่างชาติต่างเทขายออกเป็นจำนวนมาก

1.PTTEP (บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม) มูลค่าซื้อขาย NVDR สุทธิ -1,746.94 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อวัน -349.39 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง 5 วัน อยู่ที่ 2.15% ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD อยู่ที่ 41.10% ราคา ณ 16 ก.ย.65 ปิด 166.50 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 661,002.57 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 178.50 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 110.50 บาท P/E Ratio 12.88 เท่า

ทั้งนี้ บล.พาย ประเมินว่า กำไรสุทธิในช่วงครึ่งหลังปี 65 ของ PTTEP ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนจากที่ผู้บริหาร PTTEP คาดการณ์ว่าปริมาณการขายในช่วงดังกล่าวมีแนวโน้มเติบโตขึ้น 16% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 9% จากครึ่งปีแรก เป็น 487 kBOED หนุนจากการเร่งผลิตโครงการเอราวัณ (G1/61) และแอลจีเรียที่เริ่มเดินเครื่องในไตรมาส 2/65 นอกจากนี้ PTTEP ยังจะรับรู้ปริมาณการขายเต็มปีจากโครงการ Malaysia Block H และโครงการ Oman block 61 ในปีนี้อีกด้วย

2.PTT (บมจ.ปตท.) มูลค่าซื้อขาย NVDR สุทธิ -1,276.82 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อวัน -255.36 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง 5 วัน อยู่ที่ N/A% ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD อยู่ที่ -3.29% ราคา ณ 16 ก.ย.65 ปิด 36.75 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 1,049,690.11 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 41.25 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 32.75 บาท P/E Ratio 9.08 เท่า

ล่าสุด PTT แจ้งในการประชุมครั้งที่ 9/2565 เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี 2565 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของ ปตท. ในอัตรา 1.30 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 37,132 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 58 ของกำไรสุทธิของงบการเงินรวม ทั้งนี้ กำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 29 กันยายน 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 12 ตุลาคม 2565

3.DELTA (บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย)) มูลค่าซื้อขาย NVDR สุทธิ -1,224.20 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อวัน -244.84 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง 5 วัน อยู่ที่ -11.68% ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD อยู่ที่ 43.20% ราคา ณ 16 ก.ย.65 ปิด 590.00 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 735,955.15 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 694.00 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 287.00 บาท P/E Ratio 71.24 เท่า

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)โนมูระ พัฒนสิน ประเมิน DELTA ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2565-2566 และ 2567 ขึ้นจากเดิม 13% -25% และ 21% ตามลำดับ และกำไรสุทธิโดดเด่นด้วยการขยายตัว +94% (y-y) ในปี 2565 มาที่ 12,990 ล้านบาท คงคำแนะนำ Trading Buy และเพิ่ม TP มาที่ 520 บาท จากเดิม 400 บาท (เพิ่มพีอีเป็น 50 เท่า =Mean+0.25SD) และให้ DELTA คู่กับ KCE (TP 81 บาท) เป็น Top pick ของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์

4.BH (บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์) มูลค่าซื้อขาย NVDR สุทธิ -997.58 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อวัน -199.52 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง 5 วัน อยู่ที่ -2.23% ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD อยู่ที่ 55.32% ราคา ณ 16 ก.ย.65 ปิด 219.00 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 174,079.98 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 233.00 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 130.00 บาท P/E Ratio 62.26 เท่า

ทั้งนี้ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มองว่าหุ้น BH ถือเป็นหุ้น Defensive ที่แข็งแกร่งสุดจากผลบวกการปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนของ FTSE และได้รับอานิสงส์มากสุดจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่ง BH ให้บริการทางการแพทย์ครบวงจรทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน รวมทั้งศูนย์บริการผู้ป่วยต่างชาติ และลงทุนในธุรกิจการแพทย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ ก่อนหน้า BH ต่อยอดธุรกิจขยายกิจการ PRINC ในการดำเนินธุรกิจศูนย์การรักษาโรคเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

5.BANPU (บมจ.บ้านปู) มูลค่าซื้อขาย NVDR สุทธิ -722.53 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อวัน -144.51 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง 5 วัน อยู่ที่ -4.20% ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD อยู่ที่ 29.25% ราคา ณ 16 ก.ย.65 ปิด 13.70 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 92,695.69 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 15.00 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 10.10 บาท P/E Ratio 3.09 เท่า

ทั้งนี้ BANPU เผยผลดำเนินธุรกิจครึ่งแรกปี 2565 มีรายได้จากการขายรวม 3,029 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 102,496 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทฯ มุ่งขยายพอร์ตพลังงานที่สะอาดเพิ่มขึ้น ได้ปิดดีลขยายกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติในแหล่งบาร์เนตต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และจับมือพันธมิตรสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไออน บุกตลาดรถอีวี รวมทั้งสร้าง New S-Curve ใหม่ ขยายการลงทุนในกองทุนเฮลธ์แคร์ในสหรัฐอเมริกา

6.ADVANC (บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส) มูลค่าซื้อขาย NVDR สุทธิ -581.72 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อวัน -116.34 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง 5 วัน อยู่ที่ 0.26% ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD อยู่ที่ -16.09% ราคา ณ 16 ก.ย.65 ปิด 193.00 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 574,022.48 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 242.00 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 187.00 บาท P/E Ratio 22.20 เท่า

ADVANC มีการปรับแผนธุรกิจครึ่งปีหลัง 2565 ด้วยวางกลยุทธ์รับมือและมุ่งสร้างการเติบโตของรายได้ 3 ธุรกิจหลัก ธุรกิจมือถือ 5จี เพิ่มขึ้น ด้วยการนำเสนอมือถือรุ่นระดับที่ถูกลงต่ำกว่า 6,000 บาท และการพัฒนาโครงข่าย 5 จี ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นจะสามารถเพิ่มฐานลูกค้า 5 จี แตะ 5 ล้านรายสิ้นปีนี้ รวมถึงอินเทอร์เน็ตบ้าน และบริการลูกค้าองค์กร

7.FORTH (บมจ.ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น) มูลค่าซื้อขาย NVDR สุทธิ -576.96 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อวัน -115.39 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง 5 วัน อยู่ที่ -7.76% ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD อยู่ที่ 166.51% ราคา ณ 16 ก.ย.65 ปิด 56.50 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 54,240.00 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 64.00 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 16.20 บาท P/E Ratio 73.38 เท่า

ทั้งนี้ FORTH คาดว่าผลการดำเนินงานปี 2565 รายได้รวมเติบโตไม่น้อยกว่า 10-15% จากปีก่อน โดยบริษัทยังคงเป้าหมายในระยะ 2-3 ปีข้างหน้านี้ จะมีตู้เต่าบินกระจายตัวให้บริการทั่วประเทศไม่น้อยกว่า 20,000 ตู้ และจะขยายตู้เต่าบินไปยังต่างประเทศ โดยจะเริ่มทดลองตลาดอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ในช่วงปลายปี 2565 หรือไม่เกินต้นปี 2566 ส่วนประเทศอังกฤษ

8.CPALL (บมจ.ซีพี ออลล์) มูลค่าซื้อขาย NVDR สุทธิ -548.67 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อวัน -109.73 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง 5 วัน อยู่ที่ -1.67% ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD อยู่ที่ N/A% ราคา ณ 16 ก.ย.65 ปิด 59.00 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 530,002.98 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 69.00 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 57.75 บาท P/E Ratio 36.17 เท่า

ทิศทางผลประกอบการครึ่งปีหลัง CPALL คาดว่าจะเติบโตดีขึ้นจากครึ่งปีแรกจากการที่สถานการณ์โควิดเริ่มกลับมาเป็นปกติ การกลับมาเรียน กลับมาทำงาน ทำให้การจับจ่ายใช้สอยการเข้าร้านค้าสะดวกซื้อ เข้าซูเปอร์มาร์เกตยังเติบโตดีขึ้นต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าเปิดสาขาเพิ่มอีก 700 สาขาในปีนี้ โดยเฉพาะสาขาในต่างจังหวัด

9.RAM (บมจ.โรงพยาบาลรามคำแหง) มูลค่าซื้อขาย NVDR สุทธิ -480.75 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อวัน -96.15 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง 5 วัน อยู่ที่ -1.78% ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD อยู่ที่ 38.99% ราคา ณ 16 ก.ย.65 ปิด 55.25 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 66,300.00 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 69.25 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 29.20 บาท P/E Ratio 14.62 เท่า

ก่อนหน้านี้ โรงพยาบาลรามคำแหงทุ่มงบ 252 ล้านบาท เข้าถือหุ้นในโรงพยาบาลเอกชัยการแพทย์ หรือ EKH ในสัดส่วน 5.47% เพื่อหวังขยายฐานธุรกิจสู่ต่างจังหวัดเพิ่ม โดย RAM ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่ดำเนินการภายใต้ชื่อโรงพยาบาลรามคำแหงมีโรงพยาบาลในเครือ 7 แห่ง

10.VIBHA (บมจ.โรงพยาบาลวิภาวดี) มูลค่าซื้อขาย NVDR สุทธิ -398.83 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อวัน -79.77 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง 5 วัน อยู่ที่ -2.86% ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD อยู่ที่ 3.03% ราคา ณ 16 ก.ย.65 ปิด 2.72 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 36,926.75 ล้านบาท ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 2.88 บาท ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 2.10 บาท P/E Ratio 17.30 เท่า

ล่าสุด VIBHA ได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่ม บมจ.โรงพยาบาลไทยนครินทร์ (TNH) เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาคิดเป็น 0.0083% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาคิดเป็น 15% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์นี้ยังต้องต้องเฝ้าติดตามกันต่อว่า หลังจากที่ตลาดหุ้นไทยยังมีความกังวลผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งจะสามารถทราบผลได้ในวันที่ 22 กันยายนนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น