“จิราพร” ส่งไม้ต่อซีอีโอ OR คนใหม่ ชี้ OR วางกรอบการดำเนินงานไว้ชัดเจนและโปร่งใส ระบุคุณสมบัติซีอีโอ ต้องฟังกันและกันและทำงานเป็นทีม พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนสู่การเป็น RO ที่มีกำไรจากธุรกิจค้าปลีกน้ำมันในปี 2030 แย้มบอร์ด ปตท.เคาะตั้งซีอีโอคนใหม่ 15 ก.ย.นี้ ชิงดำระหว่าง “ดิษทัต ปันยารชุน-สุชาติ ระมาศ”
นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.น้ำมันและค้าปลีกจำกัด (มหาชน) (OR) กล่าวถึงทิศทางการดำเนินงาน OR ภายใต้ CEO คนใหม่ที่จะมีผลในวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ว่า แนวทางการทำธุรกิจ OR ยังคงเหมือนเดิม แม้ว่าตนเองจะเกษียณอายุครบ 60 ปีสิ้นเดือน ก.ย.นี้ เนื่องจาก OR ได้วางกรอบการดำเนินงานที่ชัดเจน และมีความโปร่งใส ขณะเดียวกัน OR มีการทำงานเป็นทีม แม้ว่าสถานการณ์ในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงก็สามารถปรับตัวรับมือได้ ตนจึงไม่มีความกังวลแต่อย่างใด
"ไม่มีความกังวลใดๆ ว่าใครจะเป็น CEO OR ขึ้นกับบอร์ด ปตท. ซึ่งคุณสมบัติของซีอีโอคนใหม่ คือต้องฟังซึ่งกันและกัน (ทีมงาน) การบริหารเป็น one team เข้าใจทิศทางการดำเนินงานร่วมกัน และอยู่ในบริบทที่ว่า OR เป็นรัฐวิสาหกิจ เชื่อมั่นว่าในอนาคต OR ยังครองความเป็นผู้นำที่มีส่วนแบ่งการตลาดค้าปลีกน้ำมันผ่านสถานีบริการ (มาร์เกตแชร์) อันดับ 1 เพราะทิ้งห่างคู่แข่งอันดับ 2" นางสาวจิราพรกล่าว
ส่วนแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทจาก Oil and Retail (OR) นับจากนี้จะมุ่งสู่การทำธุรกิจค้าปลีกและไลฟ์สไตล์มากขึ้น (Retail and Oil : RO) จากปัจจุบันกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ส่วนใหญ่ของบริษัทจะมาจากธุรกิจน้ำมัน คิดเป็นสัดส่วน 75% ที่เหลือมาจากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non oil) 21% และต่างประเทศ 4% ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าสัดส่วน EBITDA ในปี 2573 มาจากธุรกิจน้ำมันและอีวีลดลงเหลือ 35% ธุรกิจไลฟ์สไตล์ 28% ธุรกิจใหม่ 24% และธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มเป็น 13%
ส่วนแผนรองรับเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ด้วยการเร่งขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ชื่อ EV Station PluZ บริษัทได้วางแผนการขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้า EV Station PluZ ให้มากขึ้นจากปัจจุบัน 115 แห่ง กลายเป็น 450 แห่งในปีนี้ พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการขยาย EV Station PluZ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป้าหมาย 7,000 เครื่องชาร์จในปี 2573
นางสาวจิราพรกล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2565 OR จะยังเติบโตต่อเนื่อง เป็นผลจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีขึ้นจากการเปิดประเทศ ทำให้มีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจ OR โดย ณ 30 มิถุนายน 2565 บริษัทมีจำนวนสถานีบริการน้ำมัน PTT Station รวม 2,473 แห่ง แบ่งเป็นในประเทศไทย จำนวน 2,100 แห่ง และต่างประเทศ 373 แห่ง ส่วนร้าน Café Amazon ทั้งในและต่างประเทศรวม 4,051 สาขา เป็นในประเทศ 3,707 สาขา และต่างประเทศ 344 สาขา ขณะที่ร้าน Jiffy และร้านสะดวกซื้อ 7-11 รวม 2,183 สาขา
นอกจากนี้ ด้านการลงทุนอื่นๆ ในครึ่งปีหลัง ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรอีกหลายราย เพื่อลงทุนทั้งในรูปแบบการเข้าซื้อกิจการ (M&A) และการร่วมลงทุน (JV) ในธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในครึ่งหลังปีนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวว่า ในวันที่ 15 กันยายน 2565 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT จะพิจารณาผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (CEO) บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR คนใหม่แทนนางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ที่จะเกษียณอายุในวันที่ 30 กันยายนนี้ โดย 2 รายชื่อที่มีกระแสข่าวเข้าชิงตำแหน่ง CEO ได้แก่ นายดิษทัต ปันยารชุน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ปตท. และนายสุชาติ ระมาศ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารศักยภาพองค์กรและธรรมาภิบาล ปตท.
ทั้งนี้ นายดิษทัต ปัจจุบันรับตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารความเสี่ยง บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ตั้งแต่ปี 2563-ปัจจุบัน พ่วงด้วยรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ปตท. 2561-ปัจจุบันเป็นกรรมการ PTTGC ปี 2561-ปัจจุบัน และยังเป็นประธานกรรมการ บริษัท ปตท. ค้าสากล จำกัด (PTTT) ตั้งแต่ปี 2555-ปัจจุบันด้วย
ด้านนายสุชาติ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารศักยภาพองค์กรและธรรมาภิบาล ปตท. มีประสบการณ์การทำงาน ปี 2562-30 กันยายน 2564 รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจค้าปลีก บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) และ 1 ต.ค. 2564-ปัจจุบัน เป็นรองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารศักยภาพองค์กรและธรรมาภิบาล ปตท.