xs
xsm
sm
md
lg

กทท.เตรียมผุด "จุดพักคอยรถบรรทุก" ท่าเรือแหลมฉบัง 90 ไร่ คาดศึกษาเสร็จใน 2 เดือน เล็งให้เอกชนลงทุนพัฒนา "โรงแรม ร้านค้า ปั๊มน้ำมัน"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



กทท.-ขบ.เซ็นเอ็มโอยูเชื่อมต่อฐานข้อมูล "รถบรรทุก" เพิ่มประสิทธิภาพ ตรวจสอบรถและสินค้า ลดเวลาเหลือไม่เกิน 2 นาที/คัน แก้รถติดและคำนวณน้ำหนักได้แม่นยำ พร้อมเร่งศึกษาพัฒนาพื้นที่ 90 ไร่ที่แหลมฉบัง ผุด "จุดพักคอยรถบรรทุก" พร้อมบริการโรงแรม ร้านค้า ปั๊มน้ำมัน เล็งเปิดให้เอกชนลงทุนในปี 66

นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ กทท.อยู่ระหว่างศึกษาออกแบบการพัฒนาพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ขนาด 90 ไร่ บริเวณนอกรั้วศุลากากร เพื่อพัฒนาเป็นจุดพักคอยสำหรับรถบรรทุก หรือ Track Parking โดยจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นในพื้นที่ เช่น บริการโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ สำหรับรถบรรทุกที่เข้ามารอเวลารับ-ส่งสินค้าจากสายเรือ ซึ่งอยู่ระหว่างหารือกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) โดยคาดว่าจะเป็นรูปแบบการให้เอกชนเข้ามาลงทุน ในรูปแบบการเช่าพื้นที่แบบมีเงื่อนไข และแบ่งผลประโยชน์รายได้ให้ กทท. จะสรุปรายละเอียดภายใน 1-2 เดือนนี้ และเสนอขออนุมัติภายในปลายปี 2565 จากนั้นจะจัดทำทีโออาร์ เปิดคัดเลือกเอกชนเข้ามาลงทุนในปี 2566 เป็นการตอบโจทย์การทำงาน และนำพื้นที่ว่างมาใช้ประโยชน์ อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาจราจรในเขตท่าเรือแหลมฉบัง


โดยเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2565 กทท. และกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อบูรณาการข้อมูลสารสนเทศร่วมกันผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และช่วยสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจในการบริหารจัดการยานพาหนะให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพตามที่กฎหมายกำหนด ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพด้านข้อมูลและเกิดประโยชนสูงสุดแก่ผู้ประกอบการด้านการขนส่ง โดยข้อตกลงความร่วมมือฯ ฉบับนี้มีผลใช้บังคับเป็นระยะเวลา 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกัน

ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการขนส่งไปใช้ประโยชน์นั้น กทท.จะนำข้อมูล ทั้งข้อมูลทางทะเบียนยานพาหนะ ไปใช้ในการดำเนินการในระบบตัดบัญชีใบกำกับการขนย้ายสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Matching) ที่พัฒนาเชื่อมโยงข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนงานพิธีการส่งออกร่วมกับกรมศุลกากร และข้อมูลใบอนุญาตขับรถ ให้เป็นไปตามข้อบังคับว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยของเรือและท่าเรือระหว่างประเทศ (ISPS CODE)

ขณะเดียวกัน กทท.จะจัดส่งข้อมูลด้านการบรรทุกสินค้าให้กับ ขบ. เพื่อนำข้อมูลไปวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของปริมาณการขนส่งสินค้า ประเภทสินค้า น้ำหนักบรรทุก รถบรรทุกที่เข้าท่าเรือและเข้าใช้งานสถานีขนส่งสินค้า เพื่อไปกำหนดมาตรการการใช้รถที่ใช้ในการขนส่งสัตว์และสิ่งของให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ถือเป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562 ที่กำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องมีการบูรณาการฐานข้อมูลของหน่วยงานของรัฐเข้าด้วยกัน เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดินและการให้บริการประชาชน ทั้งนี้ วิธีการรับและส่งข้อมูลผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์จะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

“ข้อมูลด้านรถบรรทุกจาก ขบ. ทำให้ กทท.ทราบถึงน้ำหนักรถ ซึ่งเมื่อเข้าสู่เขตท่าเรือผ่านเครื่องชั่งน้ำหนักรถรวมจะสามารถคำนวณน้ำหนักสินค้าได้อย่างแม่นยำ นอกจากข้อมูลจะเชื่อมโยงกับกรมศุลกากรด้วยจะทำให้การทำงานมีความสะดวก รวดเร็ว แม่นยำและลดเวลาในการตรวจสอบ จากการตรวจเดิมแบบ Manual ซึ่งจะใช้เวลาเฉลี่ย 3 นาที/คัน คาดว่าจะลดลงอย่างน้อย 1 นาที/คัน ทำให้การบริหารจัดการรถที่เข้าเขตท่าเรือคล่องตัวมีประสิทธิภาพแก้ปัญหารถติดในเขตท่าเรือและมีความปลอดภัย ทั้งตัวรถและสินค้า และมีการเก็บข้อมูลพนักงานขับรถอีกด้วย” นายเกรียงไกรกล่าว


นอกจากนี้ กทท.ยังมีระบบ Truck Queue เพื่ออำนวยความสะดวกและแก้ปัญหาจราจรในเขตท่าเรือ โดยให้ผู้ประกอบการขนส่งลงทะเบียนการเข้าใช้บริการ สามารถเลือกช่วงเวลาในการเข้าใช้บริการได้อย่างเหมาะสม ซึ่งปัจจุบันเริ่มใช้งานแล้ว มีรถลงทะเบียนเข้าใช้ที่ท่าเรือแหลมฉบังประมาณ 20,000 คันต่อเดือน จากปริมาณรถทั้งหมดประมาณ 350,000 คัน/เดือน ซึ่งจากความร่วมมือกับ ขบ.จะนำไปต่อยอดกับระบบ Truck Queue ที่จะใช้เต็มรูปแบบในเดือน พ.ย. 2565 นี้ และคาดว่าทำให้เจ้าของรถบรรทุกใช้ระบบ Truck Queue เพิ่มมากขึ้น และในอนาคตหากข้อมูลเชื่อมโยงกันทุกภาคส่วน และผู้ประกอบการขนส่งทั้งหมดลงทะเบียน Truck Queue ทำให้สามารถจัดสรรเวลา หรือ Time Sharing ใช้บริการท่าเรือได้ตลอด 24 ชม. จะช่วยให้การบริหารจราจรทั้งในเขตท่าเรือและรอบนอกเกิดการบูรณาการและคล่องตัว

“ต้องเร่งให้มีการพัฒนาอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง สำหรับการดำเนินงานด้านข้อมูลดิจิทัลเพื่อพัฒนาการให้บริการ จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกองค์กร จึงเร่งสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อพัฒนาโครงข่ายข้อมูลภาครัฐ ซึ่งจะก่อให้เกิดผลสำเร็จในการพัฒนาองค์กรให้เป็นองค์กรที่สนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันอย่างแท้จริง และการลงนามความร่วมมือครั้งนี้ นับเป็นก้าวแรกของการพัฒนาร่วมกันที่จะก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในอนาคต เพื่อยกระดับท่าเรือสู่ World Class Gateway Port ต่อไป”


นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ความร่วมมือนี้จะเป็นการบูรณาการเชื่อมโยงประสานข้อมูลระหว่าง ขบ.กับ กทท. โดย ขบ.จะร่วมมือในการพัฒนาเว็บเซอร์วิสให้ กทท.เชื่อมฐานข้อมูลเพื่อตรวจสอบข้อมูลทะเบียนยานพาหนะตามภารกิจจของ กทท. ซึ่ง ขบ.มีข้อมูลจดทะเบียนรถบรรทุกตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไปจำนวน 400,000 คันทั่วประเทศ ซึ่ง ขบ.จะมีข้อมูลรายละเอียด ตัวรถ ผู้ประกอบการ รวมไปถึงน้ำหนักไม่ว่าจะเป็นหัวลาก หรือน้ำหนักรถรวม

กทท.สามารถนำข้อมูลพื้นฐานนี้ไปใช้ประโยชน์ คือ การคำนวณน้ำหนักสินค้าที่บรรทุกเข้ามาได้โดยหักกับน้ำหนักรถที่มีในฐานข้อมูล ขบ. ซึ่งจะถูกต้องแม่นยำมากขึ้น โดยไม่ต้องใช้คนคำนวณลดการใช้ดุลพินิจ จะเกิดประโยชน์ทั้งในภาคราชการและเป็นการอำนวยความสะดวกการให้บริการประชาชน และผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ในท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง และประเทศไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น