คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำสัปดาห์แรกเดือนสิงหาคม 2565 ยังคงมีมติตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไว้ที่ลิตรละ 34.94 บาท โดยฐานะกองทุนน้ำมันติดลบเพิ่มจากสัปดาห์ก่อนเล็กน้อยเป็น 1.17 แสนล้านบาท จับตากองทุนฯ เหลืออุดหนุนดีเซลแค่ 0.24 บาทต่อลิตร หากราคาโลกดิ่งต่อมีสิทธิ์ลุ้นเหลือศูนย์โอกาสราคาดีเซลลดลงต่ำกว่า 34.94 บาทต่อลิตรมีสูง ขณะที่ราคาขายปลีกกลุ่มเบนซินอาจปรับลดลงหลังค่าการตลาดพุ่ง
วันนี้ (8 สิงหาคม 2565) นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้พิจารณาทบทวนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลประจำสัปดาห์ โดยมีมติให้คงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ลิตรละ 34.94 บาท โดยเป็นการตรึงราคาต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 8 ทั้งนี้เพื่อมีส่วนช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นก็ตาม
สถานการณ์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดีเซล (GAS OIL) ลดลง 10.52 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2565 ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 134.86 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และลดลงเป็น 124.34 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2565 ด้วยปัจจัยหลักๆ คือ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจากคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันที่ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และในทวีปยุโรป รวมถึงภาวะหนี้สินของประเทศตลาดเกิดใหม่ต่างๆ และการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีการนำเข้าน้ำมันมากที่สุดในโลก รวมทั้งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันที่ชะลอตัวลง
ทั้งนี้ ในด้านราคาน้ำมันดีเซล มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2565 ได้วางมาตรการลดค่าครองชีพให้ประชาชน โดยมีมาตรการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลร้อยละ 50 ในส่วนที่ราคาขายสูงกว่า 35 บาทต่อลิตรเป็นเวลา 3 เดือน (กรกฎาคม-กันยายน 2565) สำหรับประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปัจจุบัน วันที่ 7 สิงหาคม 2565 ติดลบ 117,229 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 76,784 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 40,445 ล้านบาท
นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สกนช.กล่าวว่า กบน.ได้พิจารณาปรับลดอัตราการชดเชยดีเซลลงจากเดิม 1.13 บาทต่อลิตรเหลือเพียง 0.24 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.เป็นต้นไป ซึ่งหากราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์เปิดตลาดวันพุธนี้ลดราคาลงต่อก็จะส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ ไม่ต้องชดเชยราคาดีเซลอีกเลย อย่างไรก็ตาม ในแง่ของราคาขายปลีกดีเซลจะลดราคาลงต่ำกว่า 34.94 บาทต่อลิตรหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐเป็นสำคัญ รวมทั้งการบริหารเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพราะที่ผ่านมาได้อุดหนุนราคาไว้จนเป็นภาระหนี้ระดับสูง
“เมื่อกองทุนน้ำมันฯ ไม่ต้องชดเชยดีเซลแล้วการปรับลดลงของราคาขายปลีกดีเซลที่จะต่ำกว่า 34.94 บาทต่อลิตรก็มีอยู่แต่ขึ้นอยู่กับตลาดโลกว่าจะลดลงมากน้อยเพียงใดด้วย แต่คงจะไม่ได้สะท้อนราคาตลาดโลกด้วยเพราะกองทุนฯ ยังแบกภาระหนี้ที่ต้องชดเชยดีเซลไว้ก่อนหน้านี้รวมกว่า 7.6 หมื่นล้านบาท” นายพรชัยกล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงานแจ้งว่า หลังจากที่ระดับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเมื่อวันที่ 5 ส.ค.ปิดตลาดในส่วนของดูไบปรับตัวลดลง 1.98 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 93.58 เหรียญต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์โดยเบนซินออกเทน 95 ลดลง 5.34 เหรียญต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 103.51 เหรียญต่อบาร์เรล และดีเซลลดลง 4.21 เหรียญต่อบาร์เรลปิดที่ 124.19 เหรียญต่อบาร์เรล ส่งผลให้ค่าการตลาดขายปลีกน้ำมันในไทยของผู้ค้ามาตรา 7 เฉลี่ยกลุ่มเบนซินวันนี้ (8 ส.ค.) อยู่ระดับกว่า 4 บาทต่อลิตร ส่วนดีเซลเฉลี่ยอยู่ที่ 2.20 บาทต่อลิตร ดังนั้นผู้ค้าจึงอยู่ระหว่างการติดตามระดับราคาน้ำมันตลาดโลกหากไม่ขยับขึ้นแรงโอกาสสูงที่จะมีการพิจารณาลดราคาขายปลีกลง