xs
xsm
sm
md
lg

เด้งรับลูก "นายกฯ" ก.พลังงานเร่งถก "กกพ." หามาตรการลดผลกระทบขึ้นค่าไฟงวดใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ก.พลังงานเร่งถก “กกพ.” หามาตรการรองรับผลกระทบค่าไฟงวดใหม่แตะ 4.72 บาทต่อหน่วย หลัง "นายกฯ" เร่งให้พิจารณาและส่งสัญญาณทบทวนหากทำได้ “กุลิศ” รับตัวเลขจะคงเดิมหรือทบทวนใหม่หรือไม่อยู่ที่อำนาจ “กกพ.” ซึ่งก่อนหน้านี้ยืนยันว่าทำไม่ได้ รับห่วงสภาพคล่อง กฟผ.แบกหนี้กว่าแสนล้านแล้ว

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน
เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เพื่อพิจารณามาตรการรองรับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) เดือน ก.ย.-ธ.ค. 2565 ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เป็นห่วงผลกระทบต่อประชาชนโดยรวม อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ามติบอร์ด กกพ.ได้เห็นชอบให้ปรับขึ้นค่าเอฟทีงวดดังกล่าวไปแล้วในอัตรา 93.43 สตางค์ต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 68.66 สตางค์ต่อหน่วย หรือเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 4.72 บาทต่อหน่วยเมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา ดังนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวเลขไปจากนี้หรือไม่ กกพ.คงจะต้องมีการพิจารณา

“นายกฯ เองห่วงผลกระทบหากขึ้นแล้วจะมีมาตรการอะไรมาช่วยเหลือได้บ้าง ความเป็นไปได้ที่จะทบทวนค่าไฟฟ้าเอฟทีตามมติบอร์ด กกพ.ทำได้หรือไม่ คงต้องหารือกับ กกพ. โดยยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นอำนาจของ กกพ.คงไม่อยากไปก้าวล่วง ซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็ยืนยันว่าทำไม่ได้เพราะมีกฎหมายกำหนดไว้ ซึ่ง กกพ.คงเห็นแล้วว่าถึงเวลาที่ต้องปรับขึ้น ประเด็นหลักที่นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงคือผลกระทบต่อประชาชน ต้องหาทางช่วยเหลือ” ปลัดกระทรวงพลังงานกล่าว

ทั้งนี้ แนวทางการปรับขึ้นค่าเอฟทีที่พิจารณาครั้งนี้ถือเป็นอัตราต่ำสุดที่มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นและยังไม่ได้คืนหนี้ให้กับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่แบกรับต้นทุนเชื้อเพลิงมาตั้งแต่ปี 2564 และการรับภาระงวดใหม่นี้ จะทำให้กฟผ.แบกรับภาระค่าเอฟทีราว 1.7 แสนล้านบาท ซึ่งกรณีนี้ยอมรับว่ามีความเป็นห่วงต่อสภาพคล่องของ กฟผ.ซึ่งรัฐเองคงต้องเข้าไปดูว่าจะทำอย่างไร เช่น เงินกู้เพิ่มเติม

นายกุลิศกล่าวยอมรับว่า การผลิตก๊าซธรรมชาติของแหล่งเอราวัณที่ยังไม่ได้ตามเป้าก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ค่าไฟสูงขึ้นเนื่องจากต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่ราคาแพง ซึ่งตอนนี้ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. อยู่ระหว่างเร่งกำลังผลิต เพราะเมื่อของเดิมไม่ได้มีการขุดเพิ่ม จึงทำให้กำลังการผลิตลดลง หาก ปตท.สผ.เร่งกำลังผลิตขึ้นมาก็จะทำให้ปริมาณเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าในปี 2565 จะมีไม่ต่ำกว่า 500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จากปัจจุบันมีกำลังผลิตที่ 300 กว่าล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เพราะ ปตท.สผ.สามารถเข้าพื้นที่ได้วันที่ 24 เม.ย. 2565 จึงต้องใช้เวลาในการเร่งกำลังผลิต

รายงานข่าวระบุว่า โจทย์ที่รัฐบาลต้องการมี 2 แนวทาง คือ 1. กกพ.พิจารณาแนวทางต่ออายุมาตรการดูแลผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ประเภทบ้านอยู่อาศัย และประเภทกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยถึงสิ้นปี 2565 โดยผู้ใช้ไฟกลุ่มดังกล่าวที่จ่ายค่าไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จะได้รับส่วนลดค่าไฟฟ้าจากการลดค่าเอฟทีที่ 0.2338 บาทต่อหน่วย (จ่ายเท่าอัตราเดิมเดือน ม.ค.-ส.ค. 2565) ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวรัฐบาลเป็นผู้จัดสรรงบประมาณให้ แต่ครั้งนี้รัฐบาลไม่ได้จัดสรรงบประมาณมาให้ กกพ.จึงไม่สามารถดำเนินการให้ได้

2. หากไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะไม่มีงบประมาณ อยากขอให้ กกพ.พิจารณาแนวทางสูตรคิดคำนวณค่าไฟใหม่ภายใต้เกณฑ์ใครใช้ไฟน้อยให้จ่ายค่าเอฟทีอัตราต่ำ ใครใช้ไฟมากให้จ่ายค่าไฟสูง แต่ กกพ.ก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้ทันที เพราะต้อใช้เวลาเพราะจะต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นกับผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย และอาจจะต้องเสนอเข้าคณะกรรมการนโยบายพลังงานชาติ (กพช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
กำลังโหลดความคิดเห็น