ผลสำรวจพบผู้ค้าปลีกเกือบ 75% มีแผนรับชำระเงินด้วยคริปโตหรือสเตเบิลคอยน์ภายใน 2 ปี เหตุผลสำคัญคือเชื่อว่า การดำเนินการนี้จะช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า เพิ่มฐานลูกค้า และช่วยให้ได้เปรียบในการแข่งขัน
แม้สถานการณ์ปัจจุบันในตลาดคริปโตดูน่าขนลุก แต่สินทรัพย์ดิจิตอลยังเดินหน้าขยายขอบข่ายการยอมรับ ตัวอย่างเช่นกระแสตอบรับในอเมริกาปีที่ผ่านมาที่เพิ่มขึ้นทำสถิติและมีแนวโน้มว่า เทคโนโลยีบล็อกเชนจะได้รับการยอมรับมากขึ้นในอนาคตเช่นเดียวกัน
ผลสำรวจความคิดเห็นของบริษัทที่ปรึกษาชื่อดัง ดีลอยต์ ซึ่งจัดทำร่วมกับยักษ์ใหญ่บริการชำระเงิน เพย์พาล ได้ข้อสรุปว่า ผู้ประกอบการค้าปลีก 3 ใน 4 ในอเมริกามีแผนสนับสนุนการโอนเงินดิจิตอลภายใน 2 ปีข้างหน้า
รายงานที่ชื่อ “ผู้ค้าพร้อมแล้วสำหรับคริปโต” มาจากการสำรวจความคิดเห็นผู้บริหารอาวุโส 2,000 คนในอุตสาหกรรมค้าปลีก ซึ่งเป็นตัวแทนของธุรกิจเครื่องสำอาง สินค้าดิจิตอล อิเล็กทรอนิกส์ แฟชั่น การขนส่ง อาหารและเครื่องดื่ม บ้านและสวน บริการต้อนรับและสันทนาการ ภาคบริการ ซึ่งจัดทำขึ้นในช่วงต้นเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมาซึ่งราคาคริปโตยังสูงมาก โดยรายงานชิ้นนี้พบว่า แม้การชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิตอลยังถือเป็นสิ่งใหม่ แต่ผู้ค้าปลีกเกือบ 75% มีแผนยอมรับการชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์และคริปโตภายใน 24 เดือนข้างหน้า
ผู้บริหารที่เข้าร่วมการสำรวจยังแสดงความสนใจอย่างมากต่อเงินตราดิจิตอล โดยส่วนใหญ่คาดว่า คริปโตจะเป็นที่ยอมรับของผู้คนมากมายในอีกไม่กี่ปีนี้ ส่งผลให้สกุลเงินเสมือนกลายเป็นเครื่องมือการชำระเงินในชีวิตประจำวัน
ผู้เข้าร่วมการสำรวจ 87% ยืนยันว่า การรวมการโอนเงินระบบดิจิตอลในธุรกิจดั้งเดิมมอบ “ความได้เปรียบในการแข่งขัน” และ 83% เชื่อว่า สินทรัพย์ดิจิตอลจะกลายเป็นเงินตราที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายภายใน 1 ทศวรรษ ขณะที่ 85% มองว่า สกุลเงินดิจิตอลจะเติบโตแบบก้าวกระโดดในอุตสาหกรรมค้าปลีกภายใน 5 ปี
ผู้บริหาร 83% คาดหวังว่า ผู้บริโภคจะสนใจสกุลเงินดิจิตอลมากขึ้นในปีหน้า และกว่าครึ่งของผู้ค้าปลีกขนาดใหญ่ที่มีรายได้ 500 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป กำลังลงทุนกว่า 1 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานรองรับการชำระด้วยคริปโตในอนาคต
ไม่เฉพาะผู้เล่นรายใหญ่เท่านั้นที่ลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ธุรกิจขนาดเล็กจัดงบลงทุนเพื่อปูทางสำหรับการทำธุรกรรมด้วยเงินดิจิตอลเช่นเดียวกัน ตามรายงานของดีลอยต์ บริษัทที่มีรายได้ 10-100 ล้านดอลลาร์กำลังลงทุน 10,000-1,000,000 ดอลลาร์เพื่อรวมบริการการชำระเงินด้วยคริปโต
ผู้ค้าปลีกกว่า 60% ยังคาดว่า งบประมาณในส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 500,000 ดอลลาร์ในช่วงปีนี้
ความสนใจของผู้บริโภคคือปัจจัยที่ผลักดันให้ผู้ค้าปลีกยอมรับคริปโต โดย 64% ส่งสัญญาณว่า ลูกค้าแสดงความสนใจอย่างมากที่จะชำระเงินด้วยคริปโต
เกือบครึ่งคาดว่า การยอมรับคริปโตจะช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าและเพิ่มฐานลูกค้า และ 40% หวังว่า แบรนด์ของตนจะได้เปรียบในการแข่งขัน
อย่างไรก็ดี ผู้ค้าปลีกกว่า 50% เล็งใช้บริการประมวลผลการชำระเงินเพื่อแปลงสกุลเงินดิจิตอลเป็นเงินกระดาษ หมายความว่า ผู้ค้าปลีกเหล่านี้ไม่มีแผนถือครองคริปโตที่ได้มา เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาคริปโต วิธีนี้ยังทำให้การชำระเงินด้วยคริปโตรวดเร็วและง่ายดายขึ้นอีกด้วย
รายงานยังพบว่า ผู้ค้าปลีกตระหนักว่า การรับชำระเงินด้วยคริปโตมีความท้าทายมากมายให้เอาชนะ เช่น ความปลอดภัยของระบบชำระเงิน (43%) การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ (37%) ความผันผวน (36%) และการขาดงบประมาณ (30%) โดยความท้าทายใหญ่สุดคือความซับซ้อนในรวมคริปโตเข้ากับระบบกฎหมาย และการทำให้โครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินที่มีอยู่ทำงานร่วมกับเงินดิจิตอลสกุลต่างๆ ได้ (45%)
กระนั้น ดีลอยต์คาดว่า การให้ความรู้อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้หน่วยงานกำกับดูแลเข้าใจกลไกของสกุลเงินดิจิตอลมากขึ้นและช่วยให้คริปโตได้รับการยอมรับจากผู้ผลิตสินค้าและบริการกว้างขวางขึ้น