xs
xsm
sm
md
lg

“ซูชิรัน” ความต่างมีเฉพาะเมืองไทย กับ ซูชิ ซาซิมิ อาหารญี่ปุ่นเลือกใช้ปลาไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ซูชิ ซาซิมิ เมนูยอดนิยมในร้านอาหารญี่ปุ่นที่เปิดขายกันอยู่เป็นจำนวนมากในประเทศไทย ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็สามารถหาร้านญี่ปุ่น และเมนูซูชิ ซาซิมิ ปลาสดๆ กินกันได้ แต่สำหรับ ร้านซูชิ ร้านนี้แตกต่างจากร้านอื่นๆ เพราะทางเจ้าของร้านได้ใช้ปลาจากไทยมาทำเมนูซูชิ ซาซิมิ แทนปลานำเข้าจากต่างประเทศ อย่าง ปลาแซลมอน หรือทูน่า ฯลฯ สร้างจุดขายที่ทำให้หลายคนก็อยากจะแวะไปชิม ชูชิ ซาซิมิ จากปลาทะเลอ่าวไทย กันสักครั้ง


จากร้านอาหารทะเล สู่ ร้านอาหารญี่ปุ่นปลาไทย

นางสาวพัชร์สนันตน์ บรรจงปรุ เจ้าของ ร้านซูชิรันพัทยา Sushirun Pattaya เล่าว่า เดิมตนเองเปิดร้านอาหารทะเล อยู่ที่บางแสน แต่พอเจอสถานการณ์โควิด ทำให้ได้รับผลกระทบ ลูกค้าไม่สามารถมานั่งกินที่ร้านได้ ซึ่งจุดขายของอาหารทะเลต้องกินสดๆ ที่ร้าน การทำเดลิเวอรี่ ไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร และลูกค้าส่วนใหญ่ของเราเป็นนักท่องเที่ยว พอนักท่องเที่ยวหายก็เลยต้องปรับตัว หันมาทำซูชิ ซาซิมิ อาหารญี่ปุ่น แทน เพราะสามารถจัดส่งแบบเดลิเวอรี่ได้ง่ายกว่า

สำหรับที่มาของการนำปลาที่หาได้จากเรือประมงในพื้นที่ หรือปลาไทยมาปรับใช้ทำซูชิ และซาซิมิ รวมถึงเมนูอาหารญี่ปุ่นอื่นๆ ของทางร้านนั้น ก็มาจากมีประสบการณ์ที่เคยทำร้านอาหารทะเลมานาน ทำให้เรารู้จักปลาแต่ละชนิดเป็นอย่างดี และรู้จักวิธีจัดการกับปลาเพื่อนำมาปรับใช้กับเมนูอาหารญี่ปุ่นได้ ซึ่งกลายเป็นจุดขายของ ร้านชูชิรัน พัทยา โดยตั้งแต่เริ่มเปิดร้านช่วงโควิด-19 จากการที่ลูกค้าสั่งแบบเดลิเวอรี่และถูกใจ ก็ตามมากินที่ร้าน และในระยะหลังที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ ร้านของเราเริ่มเป็นที่รู้จักจากการบอกต่อ และเคยมากินอาหารทะเลที่ร้าน พอรู้ว่าเราเปิดร้านอาหารญี่ปุ่น และมีเมนูชูชิ ซาซิมิที่เป็นปลาที่หาได้ในอ่าวไทย สดจากเรือประมงไทย หลายคนก็อยากจะลองมาชิม จนทำให้ร้านของเราเป็นที่รู้จักในเวลาอันรวดเร็ว และกลายมาเป็นลูกค้าประจำกันในเวลาต่อมา


“การนำปลาที่หาได้จากเรือประมงในพื้นที่ มาทำซูชิ ซาซิมิ ที่ไม่ใช่ปลานำเข้า ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนอกจากจะต้องรู้จักชนิดของปลา ว่าปลาชนิดไหนสามารถนำมาทำได้แล้ว และต้องรู้วิธีการจัดการปลา รวมถึงสิ่งสำคัญที่สุด คือ ปลาต้องสด และด้วยร้านของเราอยู่ในพื้นที่ และรู้จักเรือประมงในพื้นที่ ทำให้สามารถเลือกปลามาใช้ได้ และได้ปลาที่สดใหม่ มาเสิร์ฟลูกค้าได้ทุกวัน ซึ่งความสดของปลาที่สามารถนำมาทำซูชิ และซาซิมิ หรือกินสดได้ ปลาต้องสดอย่างมากต้องขึ้นจากทะเลมาไม่เกิน 2 วัน ถ้าเกินกว่านั้นก็นำมาใช้ทำชูชิ หรือ ซาซิมิไม่สด โดยทางร้านจะพยายามใช้ปลาที่สดใหม่แบบวันต่อวัน เพื่อให้ลูกค้าได้รสชาติที่ดีที่สุดของปลาในแต่ละชนิด”


ราคาถูกกว่าปลานำเข้ากว่า 50%

เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นชูชิรัน พัทยา เล่าถึงการเลือกชนิดของปลามาใช้ในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งต้องดูว่าในวันนั้น เรือประมงได้ปลาอะไรมา โดยปลาหลักที่ใช้ คือ ปลาข้างเหลือง ปลาทู ปลาหมึก ปลากะพงแดง ปลาเก๋า ปลากุเลา กั้งกระดาน ปลาอินทรี ฯลฯ ปลาอีกหลายชนิดที่ทางร้านสามารถนำมาจัดการ และทำชูชิ และซาซิมิได้ ดังนั้น ลูกค้าจะไม่สามารถคาดเดาได้ว่า วันนี้ มาแล้วจะได้กินปลาชนิดไหน หลายครั้ง เรือประมงได้ปลาชนิดใหม่ที่ไม่ใช่ที่กล่าวมาข้างต้น แต่สามารถนำมากินสดได้อร่อย ก็จะแนะนำเรา ทำให้วันนั้น ลูกค้าจะได้กินปลาชนิดที่ทางร้านไม่เคยทำมาเสิร์ฟมาก่อน ซึ่งเป็นจุดขายที่ทำให้ลูกค้าประจำชอบที่แวะเวียนมากินที่ร้านของเรา เพราะคาดหวังว่า วันนี้ได้กินปลาที่เคยกินมาก่อนที่ทางร้านจัดเสิร์ฟมาให้ และข้อแตกต่างของปลาไทย ต่างจากปลานำเข้า ตรงที่ปลาไทยจะไม่มัน แต่จะให้เนื้อสัมผัสแข็งกว่า ไม่นิ่มเหมือนปลาแซลมอน ทูน่า นำเข้า สำหรับคนที่ชอบกินปลาที่กรุบกรอบ

“ส่วนราคาเมื่อเทียบกับปลานำเข้าอย่างแซลมอน หรือ ทูน่า ปลาจากเรือประมงอ่าวไทย ที่เรานำมาทำเสิร์ฟ ราคาถูกกว่าปลานำเข้า เพราะเราได้ต้นทุนปลาที่ถูกกว่า เนื่องจากซื้อตรงจากเรือประมง ทำให้เราขายในราคาที่ถูกกว่าได้ เช่น ปลานำเข้าแซลมมอนซื้อตัวหนึ่งประมาณ 1,000 บาท 1,200 บาท ปลาสดจากเรือประมงไทยอยู่ที่ตัวละ 280 บาท และเมื่อนำทำซาซิมิ เสิร์ฟปลาเป็นชุด 3 ชนิด ในราคาจานละ 450 บาท ในขณะที่เป็นปลานำเข้าขายที่จานละ 700 บาท เป็นต้น ราคาก็จะขึ้นอยู่กับชนิดของปลา ในแต่ละวันที่เราได้มาด้วย”


เตรียมขยายสาขาในรูปแบบของแฟรนไชส์

อย่างไรก็ดี ในส่วนของปลานำเข้าทางร้านซูชิรัน มีให้ลูกค้าได้เลือกด้วยเช่นเดียวกับร้านอื่นๆ แต่ด้วยจุดขายอยู่ที่ปลาจากเรือประมงอ่าวไทย ทำให้เมนูปลานำเข้าขายไม่ดีเท่ากับปลาไทย ที่ทางร้านจัดมาเสิร์ฟ เพราะลูกค้าเดินทางมากินที่ ซูชิรันพัทยา เค้าคาดหวังที่จะมากินปลาชนิดใหม่ที่เค้าไม่เคยกินมาก่อน ซึ่งถ้ากินปลานำเข้า ก็คงจะกินที่ร้านอื่นๆ ได้ ไม่จำเป็นต้องเดินทางมากินถึงพัทยา และที่สำคัญไปกว่านั้น การที่ “คุณพัชร์สนันตน์” เลือกใช้ปลาจากเรือประมงในช่วงโควิดทำให้เค้ายังได้ช่วยเหลือเรือประมง ในช่วงที่ร้านอาหารส่วนใหญ่ปิดให้บริการในช่วงนั้น รวมถึง ลูกค้าเองยังได้ช่วยเหลือเรือประมงอีกทางหนึ่งด้วย


ในส่วนของผลตอบรับหลังจากเปิดให้บริการมาเป็นระยะเวลา 1 ปีครึ่ง เริ่มจากเปิดขายแบบรถเข็นริมถนนและขายในศูนย์การค้า แบบซื้อกลับ หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ได้มาเปิดร้านแบบนั่งกินที่ร้าน ผลตอบรับออกมาค่อนข้างดีมาก เพราะมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามากินอย่างต่อเนื่อง และมีแผนจะขยายสาขาเพิ่มในรูปแบบของแฟรนไชส์ เพราะเดิม “คุณพัชร์สนันตน์” เคยทำธุรกิจแฟรนไชส์มาก่อน และซูชิรัน ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่นำมาเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์ ราคาแฟรนไชส์ อยู่ที่ 89,000 บาท และ 99,000 บาท หรือ ร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านไหนสนใจ นำเมนูซูชิ ซาซิมิ ปลาไทยไปเสิร์ฟในร้าน ก็ได้เช่นกัน


ซูชิ ซาซิมิ ปลาไทย เป็นการปรับตัวของร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย และเป็นทางเลือกของคนที่ชื่นชอบอาหารทะเลและต้องการกินอาหารทะเล ในแบบของอาหารญี่ปุ่น ด้วยเช่นกัน ซึ่งการนำปลาไทย หรือ ปลาชนิดอื่นมาทำซูชิ หรือ ซาซิมิ ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายเพราะการกินปลาดิบ ไม่ใช่ปลาทุกชนิดจะกินดิบได้ คนทำจะต้องมีทักษะ และที่สำคัญต้องเป็นร้านอาหาร ในพื้นที่มีเรือประมง เพราะต้องใช้ปลาที่สดใหม่เท่านั้น ถึงจะนำมาทำปลาดิบได้รสชาติที่อร่อย

สนใจ ติดต่อ เพจ : Sushirun Pattaya



 นางสาวพัชร์สนันตน์ บรรจงปรุ เจ้าของ ร้านซูชิรันพัทยา (คนกลาง)


คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น