xs
xsm
sm
md
lg

“CEA” เปิด 30 เมืองสร้างสรรค์-ขับเคลื่อน Soft Power ฟื้น ศก.ไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



“CEA” ดันภารกิจขับเคลื่อน “เมืองสร้างสรรค์” โชว์โมเดลต้นแบบความสำเร็จด้วยแพลตฟอร์มการออกแบบพัฒนาเมืองเชิงสร้างสรรค์ สู่กระบวนการพัฒนา Soft Power สร้างมูลค่า เพิ่มสินค้าและบริการใหม่ ผ่านเครือข่ายย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ประเทศไทย หรือ TCDN ทั่วประเทศ ชู 5 เมืองต้นแบบ Destination ผลักดันขึ้นทะเบียนเมืองสร้างสรรค์โลก ยูเนสโก เดินหน้าปี 65 ผลักดัน 5 จังหวัดผุดเมืองสร้างสรรค์ใหม่ บรรลุเป้าหมาย 30 แห่งตามโรดแมป

นายชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ CEA
เปิดเผยว่า ในฐานะองค์กรหลักเพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่อการพัฒนาและยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ ขณะนี้ได้เดินหน้าแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองและย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative City & Creative District Development) ผ่านเครือข่ายย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ประเทศไทย (Thailand Creative District Network : TCDN) มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับความสนใจและตื่นตัวของชุมชน พร้อมเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่ที่มีการดึงผู้เชี่ยวชาญทุกภาคส่วนมาต่อยอดทรัพย์สินทางวัฒนธรรม ผนวกความคิดสร้างสรรค์ โดยการนำนวัตกรรมเพื่อมาพัฒนาผลิตสินค้าและบริการใหม่ ให้พื้นที่ก้าวสู่ย่านและเมืองเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พร้อมก้าวสู่การเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก หรือ UNESCO Creative Network (UCCN) ซึ่ง CEA มีเป้าหมายที่จะพัฒนาเมืองสร้างสรรค์ไม่น้อยกว่า 30 แห่งภายในปี 2565 พร้อมกับมุ่งความสำคัญต่อการสร้าง Soft Power เพื่อสร้างอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยหลังการฟื้นตัวจากโควิด-19 ให้มากขึ้น

ทั้งนี้ บทบาทของ CEA มุ่งพัฒนาบุคลากรสร้างสรรค์ (Creative People) การเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ธุรกิจสร้างสรรค์ (Creative Business) และการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Place) หรือการสร้างย่านหรือเมืองสร้างสรรค์ เราจึงมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้ไทยเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในบริบทโลก ซึ่งต้องใช้กระบวนการ Soft Power และการส่งออก Content ผ่านสื่อต่างๆ ไปยังตลาดโลกมากขึ้นในระยะต่อไป เพื่อให้เกิดการกระตุ้นให้พัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ และมีการจดทะเบียนที่ได้รับการรับรองที่เป็นสากล

30 เมืองสร้างสรรค์ ‘น่าอยู่ น่าลงทุน น่าท่องเที่ยว’
ปัจจุบันการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ของ CEA แบ่งเป็นระดับเมืองที่เป็นเครือข่าย TCDN ที่ได้ทยอยดำเนินการตามแผนระยะ 3 ปี (ปี 2563-2565) มาอย่างต่อเนื่องและจะได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ครบถึง 30 พื้นที่ (30 จังหวัด) ในปี 2565 จากเดิมกำหนดพื้นที่ไว้ 22 จังหวัด ได้เพิ่มเป้าหมายอีก 8 จังหวัดใหม่ ได้แก่ ลำปาง พิษณุโลก ชลบุรี (พัทยา) จันทบุรี อุดรธานี ตรัง พัทลุง และเพชรบุรี

ทั้งนี้ ไทยนับว่ามีความได้เปรียบในด้านต้นทุนทางสังคม และวัฒนธรรมในการขับเคลื่อน 15 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ที่จะนำมาสู่การพัฒนาเมืองสร้างสรรค์ ที่ประกอบด้วย 1. Creative Originals ได้แก่ งานฝีมือและหัตกรรม ดนตรี ศิลปะการแสดง และหัตถศิลป์ 2. Creative Content / Media ได้แก่ ภาพยนตร์ การพิมพ์ การกระจายเสียง ซอฟต์แวร์ (เกมและแอนิเมชัน) 3. Creative Services ได้แก่ การโฆษณา การออกแบบ และสถาปัตยกรรม 4. Creative Goods / Products ได้แก่ แฟชั่น อาหารไทย แพทย์แผนไทย และท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม

สำหรับความก้าวหน้าจากเข้าไปพัฒนาย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์แบ่งเป็นภูมิภาคต่างๆ ประกอบด้วย ภาคเหนือ 7 จังหวัด ได้แก่ 1. ย่านในเวียง จ.เชียงราย 2. ย่านระเบียงกว๊าน จ.พะเยา 3. ย่านเมืองเก่าน่าน จ.น่าน 4. ย่านเมืองเก่าในคูเมือง จ.ลำพูน 5. ย่านเจริญเมือง จ.แพร่ 6. จ.อุตรดิตถ์ 7. จ.ลำปาง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก รวม 10 จังหวัด ได้แก่ 1. ย่านเมืองเก่าสุโขทัย จ.สุโขทัย 2. ย่านโรงละครแห่งชาติตะวันตก จ.สุพรรณบุรี 3. ย่านเมืองนครปฐมและย่านศาลายา จ.นครปฐม 4. ย่านเมืองเก่า จ.ระยอง 5. พิจิตร 6. สระแก้ว 7. พิษณุโลก 8. เพชรบุรี 9. ย่านเมืองพัทยา จ.ชลบุรี 10. จันทบุรี

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 จังหวัด ได้แก่ 1. ย่านบ้านดู่-บ้านจะโปะ จ.นครราชสีมา 2. ย่านบ้านเดิ่น-บ้านด่านซ้าย จ.เลย 3. ย่านเมืองเก่า จ.สกลนคร 4. ย่านเมืองเก่าอำเภอเมืองและอำเภอวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี 5. ร้อยเอ็ด 6. ศรีสะเกษ 7. อุดรธานี และภาคใต้ 6 จังหวัด ได้แก่ 1. ย่านท่าวัง-ท่ามอญ จ.นครศรีธรรมราช 2. ย่านเมืองเก่า จ.สงขลา 3. ย่านอา-รมย์-ดี จ.ปัตตานี 4. ภูเก็ต 5. ตรัง 6. พัทลุง

“เป้าหมายที่วางไว้ดังกล่าว 30 จังหวัดในการพัฒนาเมืองสร้างสรรค์นั้นยังอยู่ระหว่างการดำเนินการในปี 2565 และเมืองสร้างสรรค์ต้นแบบ อีกจำนวน 5 จังหวัด ได้แก่ 1. ย่านเจริญกรุง กรุงเทพฯ 2. ย่านช้างม่อย จ.เชียงใหม่ 3. ย่านศรีจันทร์ จ.ขอนแก่น 4. ย่านเมืองเก่า จ.สงขลา 5. ย่านเจริญเมือง จ.แพร่ ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และดำเนินกิจกรรมทุกๆ ปี ผ่านการพัฒนา ร่วมเป็นเครือข่าย TCDN ที่พร้อมเข้าไปสนับสนุน โดยต้องผ่านการพิจารณาให้เป็นไปตามเงื่อนไข ให้สามารถดึงศักยภาพ ความโดดเด่นในมิติต่างๆ ผ่านการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน มาสู่กระบวนการพัฒนาต่อไป” นายชาคริตกล่าว


CEA ชู สกลนคร เมืองแห่งการปรับตัว

“จังหวัดสกลนคร เมืองแห่งการปรับตัว” เพราะเต็มไปด้วยสินทรัพย์ทางธรรมชาติและวัฒนธรรมอันล้ำค่า โดยเฉพาะการมีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ทั้งหมด 5 รายการ ได้แก่ ผ้าครามธรรมชาติสกลนคร เนื้อโคขุนโพนยางคำ ข้าวฮาง น้ำหมักเม่า และหมากเม่า และที่ขาดไม่ได้คือ วัฒนธรรมแห่งการปรับตัวของชาวสกลนคร ที่บ่มเพาะความสามารถในการอยู่รอดให้ลูกหลานชาวสกล ดังจะเห็นได้จากการผลักดันให้เมืองแห่งครามแห่งนี้เป็นที่รู้จักระดับสากล ผ่านงานคราฟต์ และกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ ในมุมมองร่วมสมัย ที่สามารถสร้างภาพจำใหม่ให้แก่วงการงานฝีมือแดนอีสานได้เป็นอย่างดี
กำลังโหลดความคิดเห็น