xs
xsm
sm
md
lg

MEA ครบรอบ 64 ปีมุ่งสู่อนาคต ปักธงยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนองค์กรปี 66-80 เพื่อความยั่งยืน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



MEA ครบรอบ 64 ปี ก้าวสู่ความท้าทาย “CHALLENGING THE FUTURE” มุ่งสู่อนาคตใหม่ที่สร้างสรรค์นวัตกรรมขับเคลื่อนพลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร ปักธงยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนองค์กรปี 2566-2580 วางเป้าปรับระบบสายไฟลงดิน 236.1 กิโลเมตรปี 70 ลุยพัฒนาระบบรับพลังงานทดแทนและ ยานยนต์ไฟฟ้า Renewable Energy และ EV พัฒนางานบริการสู่ระบบ Fully Digital Service อำนวยความสะดวกประชาชนด้วยนวัตกรรม พร้อมก้าวสู่องค์กรแห่งความยั่งยืน

นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA
เปิดเผยในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนา MEA ครบรอบ 64 ปี ในวันที่ 1 ส.ค. 2565 ว่า MEA ยังคงมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนพลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานครพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในทุกด้านเพื่อจะก้าวสู่ความท้าทายครั้งใหม่ตามแนวทาง "64th MEA CHALLENGING THE FUTURE" ในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ขับเคลื่อนระบบพลังงานอัจฉริยะให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าสูงสุดในทุกมิติ โดย MEA ได้กำหนดทิศทางเป้าหมายขององค์กร แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย

1. ระยะสั้น ปี 2566-2568 Strengthen Smart Energy มุ่งเน้นการขับเคลื่อนองค์กรเพื่อรองรับการเริ่มเข้าสู่ยุคการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) เพื่อตอบสนองการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้ารองรับพลังงานทดแทนและยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) ยกระดับการให้บริการที่เป็น Digital service 

 2. ระยะกลาง ปี 2569-2570 Smart Utility MEA จะมุ่งสู่การให้บริการแบบ Convergence : เชื่อมต่อบริการกับหน่วยงานภายนอก ทั้งภาครัฐและเอกชน รองรับการปลี่ยนแปลงโครงสร้างกิจการไฟฟ้า จัดตั้ง Trader Unit และพัฒนา Virtual Utility เพื่อรองรับการซื้อขายไฟฟ้า ฯลฯ

3. ระยะยาว ปี 2571-2580 Sustainable Energy Utility มุ่งสู่การให้บริการในรูปแบบ Co-Creation Service เพื่อให้ลูกค้าสามารถดีไซน์รูปแบบบริการของตนเอง เป็นองค์กรต้นแบบด้านนวัตกรรม (Organization of Innovation) สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนจากการสร้างมูลค่าเพิ่มโดยการจัดตั้งบริษัทในเครือ และสร้างพันธมิตรทางธุรกิจที่เป็น International Cooperation on Energy Business

สำหรับโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน MEA เป็นส่วนสำคัญในการตอบสนองความต้องการของคนเมืองนอกเหนือจากความมั่นคงในระบบไฟฟ้าเพื่อภาพลักษณ์ที่สวยงานให้กับ กทม. MEA มีแผนดำเนินโครงการรวมระยะทางทั้งสิ้น 236.1 กิโลเมตร มีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2570 โดยปัจจุบันมีโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ 62 กิโลเมตร อยู่ในพื้นที่โครงการนนทรี รวมถึงบางส่วนของถนนสายสำคัญต่างๆ เช่น ถนนสีลม ถนนสุขุมวิท ถนนพหลโยธินฯลฯ และยังอยู่ระหว่างดำเนินการ 174.1 กิโลเมตรที่จะทยอยแล้วเสร็จ โดยการลงทุนในทุก 1 กิโลเมตรจะใช้เงินราว 300-400 ล้านบาทโดยใช้งบประมาณของ MEA และได้บูรณาการกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อจัดระเบียบสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้าลงดิน 1,500 กิโลเมตรระหว่างปี 2565-67

ส่วนการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี ปี 2565 เป็นวาระครบรอบ 10 ปีที่ MEA ได้ขับเคลื่อนเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับ EV นับตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน MEA ได้ศึกษาวิจัยพัฒนาระบบสถานีอัดประจุไฟฟ้า การเปลี่ยนระบบรถยนต์สันดาปเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งในประเภท EV และ E-Bus การจัดทำ MEA EV Application สำหรับการชาร์จ และการเข้าถึงข้อมูลการใช้งานต่างๆ ของผู้ใช้งาน ไปจนถึงการส่งมอบ และติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าทั้งภายใน และภายนอกองค์กร ล่าสุด MEA ได้ดำเนินโครงการ "มหานครสดใส ชาร์จไฟกับ กฟน." ตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ในการติดตั้งหัวชาร์จ MEA EV จำนวน 100 หัวชาร์จ ในพื้นที่สาธารณะของกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้ EV ที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น

“สถานีชาร์จรถอีวีในส่วนของ MEA ปีนี้วางเป้าหมาย 100 หัวจ่ายและจะเพิ่มเป็น 500 หัวจ่ายในปี 2569 ขณะเดียวกัน 3 การไฟฟ้าอยู่ระหว่างหารือเพื่อทำรายละเอียดในการวางเป้าหมายไปสู่การปรับแอปพลิเคชันบริการรถอีวีที่จะเข้ามาชาร์จไฟฟ้าให้เหลือเพียงแอปพลิเคชันเดียวเพื่อความสะดวกต่อผู้ใช้บริการซึ่งเราคาดว่าจะเห็นสิ้นปีนี้”ผู้ว่าฯ MEA กล่าว

ปัจจุบัน MEA ได้ดำเนินโครงการ Smart Metro Grid ในพื้นที่นำร่อง 9 ตารางกิโลเมตร บริเวณถนนพระราม 4 พญาไท เพชรบุรี และรัชดาภิเษก มีการติดตั้ง Smart Meter จำนวน 33,265 ชุด ทำให้สามารถเชื่อมโยงการบริหารจัดการด้านต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะเสร็จภายในปีนี้ นอกจากนี้ MEA ยังมีบทบาทในการสนับสนุนให้ผู้ใช้ไฟฟ้าติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ให้กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย ในโครงการโซลาร์ภาคประชาชน โดยเดือน มิ.ย. 2565 มีผู้จำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้วจำนวน 1,168 ราย คิดเป็นผลรวม Installed Capacity 6.63 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 185% เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น