xs
xsm
sm
md
lg

ถูกมาก! ขนมปัง 1 บาทมีอยู่จริง! วันละ 3,000 ชิ้นขายได้อย่างไร มีกำไรจริงหรือ?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ในยุคที่ข้าวของราคาแพงแต่ก็ยังมีร้าน “ขนมปังหนึ่งบาท” ที่ยังคงราคาเดิมมากว่าหลาย 10 ปี และยังเป็นขนมปังที่อบสดใหม่ทุกวัน ไม่มีค้างสต็อค เจาะกลุ่มลูกค้าตลาดนัด ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มีกำลังทรัพย์น้อย ถึงจะได้กำไรไม่มากแต่ได้ใจลูกค้าเต็มๆ ขาย 1 บาทแต่ขายหมดทุกวัน วันละ 3,000-4,000 ชิ้น


นางสาวสิริฤทัย กิมทอง เจ้าของร้านขนมปัง 1 บาท เล่าว่า จุดเริ่มต้นของการเปิดร้านขายขนมปัง 1 บาทนั้นเริ่มต้นมาตั้งแต่พ่อและแม่ของตนเป็นคนขายตั้งแต่ตนยังเป็นเด็ก ในช่วงนั้นพ่อแม่ของตนขายในราคาชิ้นละ 5 บาทและใช้วิธีการทอดมาโดยตลอด ซึ่งทำให้การเก็บรักษาค่อนลำบากและยากต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค เนื่องจากพื้นที่ที่ขายนั้นอยู่ในพื้นที่หมู่บ้าน และพึ่งจะมาเปลี่ยนราคาเป็นชิ้นละ 1 บาทเมื่อปี พ.ศ. 2544 จนถึงปัจจุบัน


ทั้งนี้จุดเด่นและความพิเศษของตัวขนมปัง 1 บาทนั้นจะอยู่ที่ความสดใหม่ เพราะว่าทางร้านจะผลิตขนมในตอนเช้าและออกขายในช่วงบ่ายของวันนั้นๆ ทำให้มีจุดเด่นที่แตกต่างจากร้านอื่นทั่วไป ส่งผลให้ตัวขนมปังมีความนุ่ม อร่อยและสดใหม่ทุกวัน ปัจจุบันใช้วิธีการอบแทนการทอด เพื่อที่จะได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มกว่าการใช้น้ำมันทอด


สำหรับการตลาดนั้นเจ้าของร้านให้ข้อมูลว่าพึ่งจะมาเริ่มโปรโมทขนมในตอนที่ตนนั้นโตแล้ว หลังจากเรียนจบก็เริ่มโปรโมทเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้ได้มากยิ่งขึ้น และกลุ่มลูกค้าหลักๆของทางร้านจะเป็นกลุ่มเด็กนักเรียนที่มีตั้งแต่อนุบาลไปจนถึงมัธยมหรือมหาวิทยาลัย ที่มาทั้งขาจรและลูกค้าประจำ รวมถึงผู้ปกครองที่มาซื้อให้กับลูกหลานของตนเอง นอกจากนี้เจ้าของร้านจะนำขนมไปขายตามตลาดนัดต่างๆ ภายในระแวกหมู่บ้านและไม่ได้ขายที่เดิมทุกวันแต่จะสลับไปตามวันที่มีตลาดนัด และไม่สามารถจัดส่งต่างจังหวัดได้ เนื่องจากขนมมีอายุได้แค่ 3 วัน แต่ก็มีลูกค้าที่เข้ามารับขนมไปขายต่ออีกที


นอกจากนี้ขนมของทางร้านนั้นจะมีทั้งหมด 2 ประเภทคือ ขนมปังชิ้นละ 1 บาทกับพิซซ่าสามเหลี่ยมชิ้นละ 10 บาท ที่ขายควบคู่กันไป และตัวขนมปังจะมีไส้ขนมประมาณ 10 ไส้และมีไส้แยมเป็นหลัก ส่วนตัวพิซซ่านั้นทางร้านได้มีการปรับสูตรซอสให้ถูกปากคนไทยมากยิ่งขึ้น และมีเพียงหน้าเดียวคือ ปูอัด ไส้กรอก เป็นต้น ทั้งนี้ในส่วนของกำลังการผลิตขนมปัง 1 บาทนั้นในแต่ละวันจะสามารถผลิตได้สูงสุดวันละ 3,000-4,000 ชิ้น และเป็นกำลังผลิตขนาดเล็กที่ทำกันเองภายในครอบครัว


ในส่วนของผลตอบรับจากลูกค้านั้นตั้งแต่เริ่มโปรโมทลงใน TikTok และแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ก็เริ่มมีคนรู้จักเพิ่มขึ้น จากเดิมที่เคยช่วยพ่อแม่บ้างเป็นครั้งคราวเมื่อตอนยังเด็กและยังไม่มีสื่อโซเชียลต่างๆ แต่พอเริ่มมีสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาบวกกับที่ตนเรียนจบแล้วก็สามารถเข้ามาช่วยและดูแลเรื่องการโปรโมทสินค้าให้ลูกค้าได้สนใจและติดตามมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้มีลูกค้าที่ตามมาจาก TikTok และเพจเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงสามารถขายขนมได้หมดทุกวัน


ทั้งนี้ในการขายขนมปังในราคา 1 บาทนั้นกำไรที่ได้อาจจะไม่ได้มากมาย แต่ทางร้านเน้นที่ราคาถูกและสร้างฐานลูกค้าเอาไว้ กำไรจากการขายขนมปัง 3,000 ชิ้น กำไรอาจจะได้ประมาณ 30-40% ซึ่งไม่ถึงครึ่งของจำนวนที่ขายไป แต่ก็ยังคงราคานี้ไว้ เพราะต้องการสร้างฐานลูกค้าเดิมเอาไว้และตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อค่อนข้างน้อยให้สามารถเข้าถึงขนมในราคา 1 บาทได้


สำหรับในช่วงโควิด-19 ระบาดนั้นทางร้านได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากขายในตลาดนัดและเป็นช่วงที่ทุกคนก็ป้องกันตัวเอง กักตัวอยู่ในที่พักอาศัยของตนและหลีกเลี่ยงการพบเจอผู้คนโดยไม่จำเป็น ส่งผลให้การเดินจับจ่ายซื้อของในตลาดลดลงค่อนข้างมาก ส่งผลกระทบต่อยอดขายของขนมของทางร้านไปด้วย รวมถึงถ้าหากมีคนในตลาดเกิดติดเชื้อขึ้นมาก็ทำให้พ่อค้าแม่ค้าในตลาดต้องหยุดขายไปกว่า 2 สัปดาห์ ยอดขายก็จะหายไปด้วย ทำให้ทางร้านใช้วิธีจัดการกับปัญหานี้ด้วยการลดปริมาณจำนวนในแต่ละวันลงเพื่อให้สามารถขายได้หมด แต่หลังจากที่สถานการณ์เริ่มดีขึ้นก็กลับมาขายในจำนวนเท่าเดิม


อย่างไรก็ตามในส่วนของการต่อยอดธุรกิจในอนาคตนั้นทางร้านมีการวางแผนเพิ่มยอดกำลังผลิตให้มากขึ้น เพราะว่าในปัจจุบันมีลูกค้าสนใจที่จะมารับขนมเพื่อนำไปขายต่อจำนวนมาก รวมถึงต่อยอดไปสู่การขยายสาขาเพื่อรองรับและตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นได้ และยังคงความสดใหม่ ผลิตใหม่วันต่อวันเพื่อให้ลูกค้าได้กินขนมปังที่มีคุณภาพสดใหม่ทุกวัน

ติดต่อเพิ่มเติม

Facebook :
ขนมปังหนึ่งบาท








* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *
กำลังโหลดความคิดเห็น