xs
xsm
sm
md
lg

บัญชีเทรดคริปโตร่วง -67% หลังวิกฤตตลาดดิ่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ก.ล.ต. เผยสถิติบัญชีเทรดคริปคริปโตของนักลงทุนไทย ปรับตัวลดลงกว่า -67% จากปลายปี 2564 ซึ่งถือว่าปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงที่สุดตั้งแต่จุดสูงสุดของตลาดคริปโตในประเทศไทย

รายงานจากสำนักงาน ก.ล.ต. ระบุถึงตัวเลขสถิติยอดบัญชีเทรดคริปโตของนักลงทุนในประเทศไทยตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน โดยจำนวนบัญชีเทรดคริปโตที่มีการเคลื่อนไหวในประเทศไทย โดยปัจจุบันมีจำนวนเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 2.3 แสนบัญชีเทรด จากเดิมซึ่งอยู่ที่ประมาณ 7.07 แสนบัญชี เมื่อเดือนธันวาคม 2564 หรือปรับตัวลดลงกว่า -67%

ขณะที่ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนและตลาดคริปโต ซึ่งมีหลายวาระ ในช่วงเหตุการณ์ต่างๆ ได้แก่ วิกฤติการล่มสลายลงของเหรียญ LUNA การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐหรือ FED ซึ่งทำให้ ราคาเหรียญบิทคอยน์ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง จนกระทั่งนำมาสู่หายนะการล่มสลายของแพลตฟอร์มคริปโตในประเทศ ไว่ว่าจะเป็น 3AC หรือ celsius ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบที่กระจายเป็นวงกว้างไปยังผุ้ประกอบการธุรกิจคริปโตในประเทศต่างๆหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นล่าสุดแสดงให้เห็นผ่านทางกลุ่มกระดานเทรด Zipmex โดยเฉพาะในประเทศไทย

ทั้งนี้จากสถิติยอดจำนวนบัญชีคริปโตจากกระดานเทรดในประเทศไทยทั้งสิ้นจำนวนประมาณ 2.8 ล้านบัญชี โดยมีบัญชีเคลื่อนไหวในปัจจุบันที่ 2.3 แสนบัญชี หรือคิดเป็น 8% ของคนที่เปิดบัญชีและทำการซื้อขายคริปโตหรือสินทรัพย์ดิจิทัลขณะที่อีก 92% เป็นบัญชีร้างว่างเปล่าที่เปิดบัญชีไว แต่ไม่มีการเคลื่อนไหวทางธุรกรรม
ขณะเดียวกันในส่วนของบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จากสมาคมโบรก ฯ ระบุว่า จากวิกฤติโควิดที่ต่อเนื่องมากว่า 2 ปี ก่อให้เกิดสถานการณ์เงินเฟ้อสะสมที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมตลาดทุนด้วยเช่นกัน โดยยอด จำนวนบัญชีที่ซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีการเคลื่อนไหวในการซื้อขายหุ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปรับตัวลดลงจากเดิมที่ 754,289 บัญชี ลงมาเคลื่อนไหวอยู่ที่ 611,524 บัญชี หรือคิดเป็น -18.9%โดยหากพิจารณาจากยอดตัวเลขเปรียบเทียบ ยังถือว่าได้รับผลกระทบน้อยกว่าในตลาดคริปโต

อย่างไรก็ดีสิ่งที่สะท้อนภาคอุตสาหกรรมคริปโตมากที่สุดคือ ผู้ประกอบธุรกิจกระดานเทรดรายต่างๆในประเทศไทย ซึ่งมีรายได้มาจากค่าธรรมเนียมในการเทรด มาก-น้อย แล้วแต่ที่กระดานเทรดเหล่านั้นกำหนด ซึ่งจากการปรับตัวเข้าสู่ตลาดหมีของคริปโต ส่งผลให้รายได้ของกระดานเทรดเหล่านั้นลดลงตามไปด้วย เนื่องจากนักลงทุนเลี่ยงความเสี่ยงจากวิกฤติความผันผวนที่รุนแรง จะชะลอการลงทุนหรือย้ายเม็ดเงินไปยังสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า จึงส่งผลให้แนวโน้มสินทรัพย์เคลื่อนไหวในอุตสาหกรรมคริปโตลดลงตามไปด้วย ซึ่งคงต้องมาจับตาดูกันต่อไปว่าช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วง high season ของตลาดการลงทุนแแนวโน้มตลาดจะพลิกกลับฟื้นขึ้นมาหรือไม่ โดยเฉพาะดีลการซื้อกิจการของ SCBX ที่เลื่อนเจรจาอย่างไม่มีกำหนด เพื่อรอตลาดคริปโตฟื้น หรือซื้อเวลาเพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยง ก่อนที่จะสรุปดีลในอนาคต
















กำลังโหลดความคิดเห็น