รายงานจากบริษัทที่ปรึกษาชื่อดังพบขณะนี้เงินที่ลงทุนในคริปโตยังมีสัดส่วนแค่ 0.3% ของมูลค่าสินทรัพย์ส่วนบุคคล เทียบกับ 25% ที่ลงทุนในหุ้น ซึ่งหมายถึงโอกาสในการเติบโตอีกยาวไกล โดยเมื่อถึงปี 2030 จำนวนผู้ใช้สกุลเงินดิจิตอลจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ล้านคน
รายงานการวิเคราะห์ล่าสุดโดยบอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป (BCG), บิตเก็ต และฟอร์ไซต์ เวนเจอร์ส พบว่า ธุรกิจคริปโตยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นในแง่ระดับการยอมรับ แต่ตอกย้ำการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิตอลในระยะยาวแม้ราคาขณะนี้อยู่ในช่วงขาลงก็ตาม
ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับปี 2017 ที่บิตคอยน์ อีเธอเรียม และคริปโตสกุลหลักอื่นๆ ทำสถิติสูงสุดตลอดกาล จะเห็นได้ว่า อุตสาหกรรมนี้ขยายตัวอย่างมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ยกตัวอย่างเช่น ปี 2017 มีแอปเกี่ยวกับคริปโตแค่ 800 แอป แต่วันนี้จำนวนแอปคริปโตที่จดทะเบียนเพิ่มขึ้น 10 เท่าเป็น 10,000 แอป โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจากนักลงทุนประเภทสถาบันที่มีสัดส่วนถึง 68% ของปริมาณการซื้อขายทั้งหมดในตลาดคริปโตเมื่อเทียบกับปี 2020
รายงานแจงว่า ราคาคริปโตกระตุ้นความสนใจ ซึ่งไปขับเคลื่อนไอเดียและกิจกรรมอีกทอดและส่งผลให้เกิดนวัตกรรม ขณะที่การบูมของการเสนอขายเหรียญต่อสาธารณชนครั้งแรก (ICO) ผลักดันการแจ้งเกิดตลาดซื้อขายคริปโตที่เป็นผู้นำทางตลาดในวันนี้
ตามรายงานนั้น มีสินทรัพย์ส่วนบุคคลเพียง 0.3% ที่ลงทุนในสกุลเงินดิจิตอล ขณะที่สัดส่วนการลงทุนในหุ้นสูงถึง 25%
อย่างไรก็ตาม อัตราการเข้าถึงที่ต่ำมากนี้หมายถึงโอกาสในการขยายตัว อเมริกาเป็นภูมิภาคที่มีมูลค่าการลงทุนในคริปโตสูงสุด โดยมูลค่าการถือครองเฉลี่ยอยู่ที่ราว 18,000 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ของมูลค่าสินทรัพย์ส่วนบุคคล
รายงานของ BCG สอดคล้องกับรายงานที่ธนาคารเวลส์ ฟาร์โกของอเมริกาเผยแพร่ก่อนหน้านี้
ทีมกลยุทธ์การลงทุนทั่วโลกของเวลส์ ฟาร์โกระบุในรายงานการวิจัยที่ชื่อว่า การทำความเข้าใจคริปโต ว่า คริปโตอยู่ในช่วง “การยอมรับของคนหมู่มาก” และเปรียบเทียบสถานการณ์ปัจจุบันของคริปโตกับสถานการณ์ของอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตในช่วงปลายทศวรรษ 1990
การวิเคราะห์ของบีซีจีต่อยอดการเปรียบเทียบของเวลส์ ฟาร์โก ระหว่างคริปโตกับอินเทอร์เน็ตยุคแรกๆ ตลอดจนถึงการปฏิวัติดิจิตอลที่กำลังจะเกิดขึ้นที่เรียกว่า เว็บ 3.0 และระบุว่า ยังมีช่องทางอีกมากที่คริปโตจะพัฒนาต่อไปและมีจำนวนผู้ใช้ถึง 1,000 ล้านคนในปี 2030 แต่สำทับว่า การประเมินว่า แนวโน้มการยอมรับคริปโตจะยังคงดำเนินต่อไปหรือไม่นั้นเป็นสิ่งที่ท้าทาย
รายงานของบีซีจีเสริมว่า นักลงทุนรายย่อยยังคงเป็นกลุ่มหลักที่ถือครองบิตคอยน์ ขณะที่นักลงทุนประเภทสถาบันให้ความสนใจคริปโตมากขึ้น โดยที่กองทุนบริหารความเสี่ยงและธุรกิจเงินร่วมลงทุน (venture capital) กระตือรือร้นลงสนามมากที่สุดเมื่อเทียบกับกองทุนบำนาญ ธนาคาร และบริษัทต่างๆ กล่าวคือ ขณะที่กองทุนบริหารความเสี่ยงและธุรกิจเงินร่วมลงทุนมีสินทรัพย์คริปโตภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ถึง 70,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 แบงก์และบริษัทต่างๆ มีเพียง 2,500 ล้านดอลลาร์, กองทุนของรัฐบาล 4,000 ล้านดอลลาร์ และกองทุนบำนาญ 1,000 ล้านดอลลาร์
ที่สำคัญยังมีแนวโน้มที่สถาบันเหล่านี้จะเพิ่มการลงทุนในสกุลเงินดิจิตอลในระยะยาวขณะเดียวกันเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทที่ปรึกษา เวอริฟายด์ มาร์เก็ต รีเสิร์ชทำนายว่า อุตสาหกรรม nonfungible token (NFT) หรือสินทรัพย์ดิจิตอลที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลกและสามารถแลกเปลี่ยนซื้อขายได้นั้น จะมีมูลค่าถึง 231,000 ล้านดอลลาร์ภายใน 10 ปี และอาจมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง 33.7% ต่อปี
ด้านบริษัทที่ปรึกษา แมคคินซี่ย์ แอนด์ คอมพานี รายงานว่า ตลาดเมตาเวิร์สอาจมีมูลค่าถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2030 โดยผลสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคและบริษัทจากอุตสาหกรรมต่างๆ พบว่า อี-คอมเมิร์ซจะเป็นตัวขับเคลื่อนกระแสเงินสดภายในเมตาเวิร์ส และสร้างรายได้ถึง 2.6 ล้านล้านดอลลาร์ใน 8 ปีข้างหน้า
