กรมเจ้าท่าตั้ง กก.สอบเหตุเรือสปีดโบ๊ตระเบิดกลางทะเลชุมพรรายงานผลสรุปภายใน 10 วัน เผยเรือมีประกัน 5 ล้านบาทกำชับดูแลช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเต็มที่ พร้อมจ่ายเยียวยาชุดสุดท้าย 108 หลัง
คาเรือนจากเหตุเรือบรรทุกน้ำมันสมูธซี 2 ระเบิดที่พระประแดง
วันที่ 21 ก.ค. 2565 นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) ด้านปลอดภัย เปิดเผยถึงเหตุเรือโดยสาร (สปีดโบ๊ต) ชื่อลมหลักคีรินทร์ 18 หมายเลขทะเบียนเรือ 584306433 ขนาด 19.21 ตันกรอสเกิดเหตุเพลิงไหม้บริเวณริมฝั่งทะเลหน้าเกาะทองหลางระยะห่างจากฝั่งประมาณ 2 ไมล์ทะเล เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2565 ว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ของกรมเจ้าท่าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าให้การดูแลช่วยเหลือทันที ซึ่งเรือลมหลักคีรินทร์ 18 มีผู้โดยสาร 18 ราย โดยได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้ 2 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 16 ราย และจะประสานการดูแลรักษาพยาบาลจากเจ้าของเรือ
กรมเจ้าท่าได้สั่งงดใช้เรือดังกล่าวพร้อมตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเร่งหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ โดยให้รายงานผลการสอบสวนภายใน 10 วัน
จากการตรวจสอบเรือลมหลักคีรินทร์ 18 มีประกันภัยผู้โดยสารวงเงินประกัน 5 ล้านบาท ซึ่งจะมีการรับผิดชอบตามระเบียบ
นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้เจ้าท่าจังหวัดชุมพรประสานกับบริษัทลมพระยาซึ่งเป็นเจ้าของเรือลำเกิดเหตุดูแลช่วยเหลือเยียวยาในการรักษาพยาบาลผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงหนึ่งต้องยอมรับว่า จากสถานการณ์โควิดกว่า 2 ปีที่ผ่านมาทำให้ไม่มีการใช้งานเรือโดยสารเป็นเวลานานซึ่งที่ผ่านมากรมเจ้าท่าได้ดำเนินการตรวจสอบสภาพเรือโดยสารท่าเทียบเรือต่างๆก่อนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดประเทศวันที่ 1 ก.ค. 2565 แล้ว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นจากอุปกรณ์ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนฯ จะเร่งหาสาเหตุ
นายภูริพัฒน์กล่าวว่า ส่วนการผ่อนผันโควิดไม่ต่ออายุใบอนุญาตเรือ เรื่องนี้ได้ยกเลิกประกาศทั้งหมดแล้วเพราะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัย และวันนี้มีการเปิดประเทศเต็มรูปแบบแล้วดังนั้นจะไม่มีการผ่อนผันอีกแล้ว เพราะเรื่องความปลอดภัยการเดินทางท่องเที่ยวทางน้ำถือเป็นความมั่นใจของนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
@จ่ายเยียวยา 108 ราย รายละ 15,000 บาทจากเหตุเรือบรรทุกน้ำมันสมูธซี 2 ระเบิด
นอกจากนี้ กรมเจ้าท่ายังได้จัดพิธีมอบเงินเยียวยาให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เรือบรรทุกน้ำมันสมูธซี 2 ระเบิดและเกิดไฟไหม้บริเวณหน้าบริษัทไออาร์พีซี จำกัด ถนนสุขสวัสดิ์ ตำบลบางครุ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2565
นายภูริพัฒน์กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวกรมเจ้าท่าได้รับการร้องเรียนจากผู้ได้รับผลกระทบและได้รับความเสียหายซึ่งได้มีการร้องเรียนไปที่กรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร กรมเจ้าท่าจึงเข้ามาเป็นคนกลางในการพิจารณาร่วมกับบริษัทในการเยียวยาที่เหมาะสมและยอมรับของทุกฝ่าย ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ดำเนินการจ่ายเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบไปแล้วจำนวน 17 ราย เช่น โรงเรียนวัดครุนอกและประชาชนที่อยู่อาศัยในบริเวณดังกล่าว
โดยครั้งนี้จะมีการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอีกจำนวน 108 ราย (หลังคาเรือน) หลังคาเรือนละ 15,000 บาทรวม 1,620,000 บาท ซึ่งได้มีการเจรจาผ่านตัวแทนของชาวบ้าน ได้ข้อตกลงร่วมกันเรียบร้อยแล้ว โดยมีนายนิรุทธ์ สุวรรณวงษ์ตัวแทนชาวบ้าน 108 หลังคาเรือนจากชุมชนวัดครุนอก อ.พระประแดงจ.สมุทรปราการ เป็นผู้รับมอบ โดยหลังจากจ่ายเงินเยียวยาให้ผู้ได้รับผลกระทบแล้วและครบ 5 วันทำการให้นำหลักฐานการรับเยียวยาแจ้งยืนยันมายังกรมเจ้าท่าเพื่อให้เจ้าของเรือนำไปเคลมกับบริษัทประกันภัยต่อไป ซึ่งหากนับรวมวันนี้แล้วบริษัทฯ เจ้าของเรือได้จ่ายเงินให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบแล้วทั้งสิ้นจำนวน 125 ราย รวมเป็นเงินที่จ่ายแล้วทั้งสิ้น 2,234,766 บาท
“การเยียวยากรณีได้รับผลกระทบจากเรือบรรทุกน้ำมันระเบิดนั้นจะพิจารณาจากข้อเท็จจริงโดยใช้หลักวิชาการตรวจสอบและพิสูจน์รัศมีที่จะสร้างผลกระทบ รวมถึงจะต้องพูดคุยกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบซึ่งการสำรวจครั้งสุดท้ายนี้ผู้แทนชาวบ้านได้เสนอเยียวยา 108 หลังคาเรือนซึ่งมีการเจรจากับบริษัทฯ ตกลงร่วมกันด้วยดีทั้งสองฝ่ายในกรอบวงเงินที่จะเยียวยา”