การที่โลกเข้าสู่ยุครถยนต์พลังไฟฟ้านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนเลยคือ ตลาดมีผู้เล่นหน้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมากมาย ส่วนหนึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์มาก่อนอยู่แล้ว ขณะที่อีกส่วนหนึ่งถือว่าน่าสนใจและถูกจับตามองมาโดยตลอดนั่นคือ บรรดาบริษัทผลิตเทคโนโลยีหรือ Gadget ไล่มาตั้งแต่ Apple ที่เคยมีข่าวว่าจะรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ตามมาด้วย Sony เช่นเดียวกับ Huawei และ Baidu ของจีน ส่วนรายล่าสุดคือ Xiaomi จากประเทศจีน
สิ่งที่น่าสนใจคือ การเข้ามาของบริษัทพวกนี้คือ การยืนยันให้เห็นว่า การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นมาสักคันไม่ได้มีความซับซ้อนมากเท่ากับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในที่เราคุ้นเคยกันมากว่า 100 ปี จำนวนชิ้นส่วนที่ลดลง ระบบที่ไม่ซับซ้อน และการผลิตชิ้นส่วนที่เป็นโมดูล ทำให้ไลน์การประกอบรถยนต์ไฟฟ้าไม่วุ่นวานหรือจุกจิกเท่าไร
การเตรียมการที่มีมาก่อนหน้านั้น
สำหรับในกรณีของ Xiaomi นั้นต้องบอกว่าไม่ใช่เพิ่งมีข่าว แต่มีกระแสข่าวหลุดออกมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เริ่มจากการประกาศเข้าสู่ตลาดในเดือนมีนาคม จากนั้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทางแบรนด์ประกาศโปรเจ็กต์ในการผลิตรถยนต์พลังไฟฟ้า หรือ BEV ออกสู่ตลาด โดยวางเป้าหมายว่าจะเกิดขึ้นในปี 2022 ซึ่งถือว่าค่อนข้างเร็วมาก และมีการยืนยันว่าโปรเจ็กต์นี้ถูกคิดมานานแล้ว เพียงแต่เพิ่งจะเปิดเผยออกมาสู่สาธารณชนเพียงไม่นานมานี้
ตอนนั้นมีการประกาศเปิดตัวบริษัทใหม่ชื่อว่า Xiaomi EV มีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 10,000 ล้านหยวน มีพนักงานมากถึง 300 คน และยังนำทีมโดยผู้บริหารคนเดิมอย่าง Lei Jun ซีอีโอ และผู้ก่อตั้ง Xiaomi
นอกจากนั้น สิ่งที่น่าสนใจคือ Xiaomi ยังได้ควบรวมกิจการ Deepmotion ซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนาการขับเคลื่อนอัตโนมัติ หรือ Autonomous Driving ด้วยเม็ดเงินมูลค่า 77.37 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้นักวิเคราะห์มองว่า รถยนต์ไฟฟ้าที่ Xiaomi จะพัฒนาขึ้นนั้น อาจมาพร้อมเทคโนโลยีการขับเคลื่อนอัตโนมัติเลเวล 4 แสดงให้เห็นถึงการเตรียมความพร้อมที่ถูกวางแผนเอาไว้นานแล้ว
ระบบการขับเคลื่อนอัตโนมัตินั้นถือเป็นองค์ความรู้ที่สำคัญ และถูกมองว่าเป็นรูปแบบที่มนุษย์เราจะต้องใช้งานในเร็วๆ นี้ โดยหลังจากที่บริษัทต่างๆ มีความพยายามที่จะพัฒนาระบบการขับเคลื่อนอัตโนมัติตลอดช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่มีบริษัทไหนที่สามารถพัฒนาจนสามารถนำมาใช้ได้อย่างเต็มระบบ เพราะส่วนใหญ่จะยังเป็นแค่ระบบที่ช่วยเหลือผู้ขับ หรือ Driver Assistant เท่านั้น เช่น ระบบ Auto Pilot 2.0 ของ Nissan ซึ่งยังไม่ใช่การเข้ามาควบคุมการขับขี่อย่างเต็มรูปแบบ
ระบบ Autonomous Level 4 ถือว่าเป็นระดับที่อยู่ใกล้เคียงกับที่ระบบเข้ามาดูแลการขับเคลื่อนแทนที่มนุษย์เลยก็ว่าได้ โดยตัวรถสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองอย่างสมบูรณ์ รวมถึงสามารถรับมือกับการขับเคลื่อนในเขตเมืองได้ด้วยตัวเอง โดยอาจต้องการการควบคุมจากมนุษย์อยู่บ้าง โดยตรงนี้จะสอดคล้องกับแผนการของ Xiaomi ในการรุกธุรกิจ e-Car ที่พวกเขาวางแผนเอาไว้ว่าจะต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้ภายในอีก 10 ปีข้างหน้า
นอกจากนั้น ในปลายเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน ทาง Xiaomi ได้ประกาศแผนการก่อตั้งโรงงานผลิตรถยนต์พลังไฟฟ้าของตัวเองที่ปักกิ่ง และเซ็นสัญญากับเขตพัฒนาเศรษฐกิจ-เทคโนโลยีในปักกิ่งเพื่อก่อตั้งโรงงานผลิตรถยนต์พลังไฟฟ้า ตั้งเป้าแล้วเสร็จปี 2024 พร้อมทั้งคาดว่าผลิตได้ 300,000 คันต่อปี
อีกทั้งยังย้ายสำนักงานใหญ่ของหน่วยรถยนต์ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ไปยังปักกิ่ง เช่นเดียวกับสำนักงานขายและโรงงานวิจัยด้วย โดยจะตั้งอยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีปักกิ่ง ซึ่งเป็นพื้นที่พัฒนาและเทคโนโลยีในอีจวง ชานเมืองทางตะวันออกเฉียงใต้ของปักกิ่ง ประกาศโดย Beijing E-Town ซึ่งเป็นหน่วยงานพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาลเมือง
ยืนยันสิงหาคมนี้เจอกัน
หลังจากที่ความเคลื่อนไหวแบบฉับไวของ Xiaomi ในช่วงปลายปีที่แล้วยังไม่ทันจางหายดี เมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พวกเขาก็ประกาศยืนยันความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดในการกระโดดเข้าสู่ตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้าอย่างเต็มตัว โดยยืนยันว่าในเดือนสิงหาคมนี้จะมีการเปิดตัวรถยนต์ต้นแบบคันใหม่ล่าสุดออกมาให้เห็นอย่างแน่นอน
ข่าวนี้รายงานโดย Sina Tech ที่อ้างแหล่งข่าวภายใน ซึ่งยืนยันว่าทาง Lei Jun ซีอีโอ และผู้ก่อตั้ง Xiaomi กล่าวว่ารถยนต์รุ่นแรกของแบรนด์จะเปิดตัวต้นแบบให้เห็นภายในเดือนสิงหาคมปีนี้อย่างแน่นอน สอดคล้องกับข่าวและข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้ว่า รถยนต์ในโปรเจ็กต์ที่เรียกว่า Mi Car 1 จะเป็น 1 ใน 4 รถยนต์รุ่นแรกๆ ของแบรนด์ที่จะผลิตออกขายในตลาด
สำหรับ Mi Car 1 จะแตกต่างจากที่คาดคิดเอาไว้ค่อนข้างมาก เพราะตัวรถเป็นแบบ 2 ประตูแต่รองรับการโดยสารได้ 4 ถึง 5 ที่นั่งด้วยการออกแบบเบาะหลังให้มีความกว้างขวางแตกต่างจากรถสปอร์ตแบบ 2+2 ที่นั่งทั่วไป แถมตัวรถยังมีความยาวถึง 4,890 มิลลิเมตร ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับไซส์รถยนต์ในตลาดแล้วถือว่าอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับ BMW Series 5 ในแง่ของขนาดตัวถัง
ส่วนผลผลิตทั้ง 4 รุ่นนั้นยังไม่มีการยืนยันว่าในเดือนสิงหาคมจะมีการเปิดตัวออกมาพร้อมกันทีเดียวหรือไม่ เพราะตามแผนการที่วางเอาไว้นั้น Xiaomi จะเริ่มวางจำหน่ายรถยนต์รุ่นแรกของตัวเองในปี 2024 แต่จากข่าวที่มีการเปิดเผยออกมาในตอนนี้ นอกจาก Mi Car 1 แล้ว อีก 3 รุ่นที่เตรียมเปิดตัวจะเป็นรถยนต์อยู่ในระดับคอมแพ็กต์และสูงกว่านั้น โดยอาจจะมีตัวถัง SUV เป็นอีกทางเลือกในตลาดเพื่อให้ครอบคลุมความต้องการ โดยราคาของทั้ง 4 รุ่นจะกินตลาดที่กว้างขวาง โดยเริ่มตั้งแต่ 150,000 หยวนไปจนถึง 300,000 หยวน พร้อมกับจับเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ Level 3 แบบเดียวกับที่ใช้ใน Tesla ด้วย
ตรงนี้เป็นการยืนยันให้เห็นว่า การรุกตลาดรถยนต์ของ Xiaomi อาจจะแตกต่างจากผลผลิตอื่นๆ ของพวกเขาที่มีอยู่ในตลาด โดยจะโฟกัสไปที่กลุ่มผู้ซื้อในระดับกลางจนถึงสูง ด้วยการนำเสนอความคุ้มค่าในราคาเพื่อแลกกับสเกที่เทียบเท่ากับรถยนต์ในระดับที่สูงกว่า เหมือนกับที่พวกเขาเคยประสบความสำเร็จมาแล้วในการเจาะตลาดสมาร์ทโฟน
คงต้องรอดูกันต่อไปว่าในเดือนสิงหาคมนี้ รถยนต์ต้นแบบรุ่นแรกของ Xiaomi จะมาตามนัดหรือไม่อย่างที่มีข่าวหลุดออกไป แต่ถึงจะมาไม่ทัน ก็ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะท้ายที่สุดรถยนต์ของ Xiaomi ก็จะมาบุกตลาดอย่างแน่นอน
