xs
xsm
sm
md
lg

“แหลมฉบังเฟส 3” ดีเลย์ งานถมทะเลคืบแค่ 5% "อธิรัฐ" สั่งทำ Action Plan เร่งสร้าง ดันเปิดบริการปี 68

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



'อธิรัฐ' สั่ง กทท.ทำ Action Plan เร่งงานถมทะเล สร้างเขื่อน "แหลมฉบัง เฟส 3" คืบหน้าเพียง 5% เหตุพิษโควิด ภาพรวมดีเลย์ 12 เดือน หวั่นกระทบส่งมอบพื้นที่ให้กลุ่ม GPC เปิดบริการในปี 68 พร้อมรับ EEC

วันที่ 13 กรกฎาคม 2565 นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เพื่อติดตามการดำเนินงานโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 พร้อมมอบนโยบายการท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) โดยมี นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) นายบัณฑิต สาครวิศวะ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง ร่วมรายงานความคืบหน้า

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนท่าเทียบเรือ F ในส่วนที่ กทท.เป็นผู้ดำเนินงานก่อสร้างงานทางทะเลเพื่อรองรับการก่อสร้างท่าเทียบเรือและโครงสร้างพื้นฐาน ท่าเรือชายฝั่ง ก่อสร้างระบบรถไฟ นั้น โดยภาพรวมมีความล่าช้าประมาณ 12 เดือน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ในส่วนของการดำเนินการงานขุดลอกถมทะเล สร้างเขื่อนกันคลื่น ระยะเวลาการดำเนินงาน 4 ปี (5 พ.ค. 64-3 พ.ค. 68) ปัจจุบันยังมีความล่าช้ากว่าแผนงาน โดยมีความคืบหน้าประมาณ 5%

ตนได้สั่งการให้ กทท.จัดทำแผนเร่งรัดการก่อสร้าง (Action Plan) โดยเพิ่มเครื่องมือเครื่องจักรในการทำงาน ใช้เทคนิคด้านวิศวกรรมเร่งรัดงานให้เร็วขึ้น เพิ่มจำนวนคนและเวลางาน เพื่อที่จะสามารถส่งมอบพื้นที่เพื่อให้ บริษัท จีพีซี อินเตอร์เนชั่นแนล เทอร์มินอล จำกัด เข้าดำเนินงานได้ภายในปี 2566 และเปิดให้บริการในปี 2568 ตามสัญญาร่วมลงทุนฯ

สำหรับงานขุดลอกถมทะเล สร้างเขื่อนกันคลื่น มีกิจการร่วมค้า ซีเอ็นเอ็นซี (CNNC) ประกอบด้วย บริษัท เอ็น.ที.แอล.มารีน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บมจ.พริมามารีน บริษัท นทลิน จำกัด และ บริษัท จงก่าง คอนสตรั๊คชั่น กรุ๊ป จำกัด (ประเทศจีน) เป็นผู้รับจ้าง วงเงิน 21,320 ล้านบาท 

กทท.ออกหนังสือเริ่มงาน (NTP) เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2564 โดยกำหนดการทำงานเป็น 3 ช่วง คือ Key Date ที่ 1 หลังจากออก NTP 1 ปี หรือในวันที่ 4 พ.ค. 2565 จะต้องก่อสร้างและส่งพื้นที่ถมทะเลในโซน A จำนวน 3 แสนลูกบาศก์เมตร ขณะนี้ยังส่งมอบไม่ได้ โดยปรับแผนงานไปเป็นวันที่ 20 ส.ค. 2565

 Key Date ที่ 2 ในวันที่ 5 พ.ย. 2565 ต้องส่งมอบพื้นที่ถมทะเลอีก 1 ล้านลูกบาศก์เมตร ปรับแผนใหม่เป็นวันที่ 26 ธ.ค. 2565

ส่วน Key Date ที่ 3 กำหนดภายใน 2 ปี   หรือวันที่ 4 พ.ค. 2566 ยังคงเป็นไปตามแผน เพื่อส่งมอบพื้นที่ให้บริษัท จีพีซี อินเตอร์เนชั่นแนล เทอร์มินอล จำกัด ผู้รับสัมปทาน โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ระยะที่ 1 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F เข้าดำเนินการก่อสร้างท่าเทียบเรือ ลานวางตู้ อาคารสำนักงาน ติดตั้งเครื่องมือ เพื่อเปิดดำเนินการในปลายปี 2568 ตามกำหนด

นายอธิรัฐกล่าวว่า โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F เพื่อเพิ่มขีดความสามารถรองรับตู้สินค้าจาก 11 ล้านตู้/ปี เป็น 18 ล้านตู้/ปี รองรับการขยายตัวของปริมาณเรือขนส่งสินค้าทางทะเลเพิ่มขึ้น และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่จะแล้วเสร็จในปี 2568 ตนจึงได้มอบนโยบายการดำเนินงานให้ท่าเรือแหลมฉบัง ดังนี้

1. แผนปฏิบัติการโครงสร้างพื้นฐาน EEC ประจำปี 2566-2570 ภายใต้แผนยุทธศาสตร์และเป้าหมาย ในส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้ท่าเรือแหลมฉบังจัดทำแผนปฏิบัติการ (Action Plan) การพัฒนาพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังให้รองรับปริมาณตู้สินค้าอย่างเพียงพอ

2. เร่งแก้ไขปัญหาการจราจรและความแออัดในท่าเรือแหลมฉบัง เน้นการบูรณาการกับทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการจัดการด้านข้อมูลใช้เทคโนโลยีที่เชื่อมโยงข้อมูลถึงกัน

3. Green Port การมุ่งสู่ท่าเรือพาณิชย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ทดแทนการใช้พลังงานเชื้อเพลิง เพื่อลดมลพิษในบริเวณท่าเรือ หรือลดการใช้พลังงานไฟฟ้า

ทั้งนี้ เพื่อให้ท่าเรือแหลมฉบังเป็นประตูการค้าการลงทุน สามารถส่งเสริมสนับสนุนทั้งด้านนโยบายและด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทำให้โครงการ EEC ประสบความสำเร็จ เสริมยุทธศาสตร์ที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าบริการขนส่งเชื่อมภูมิภาคเอเชียไปสู่ระดับโลก






กำลังโหลดความคิดเห็น