ตำรวจ PCT ร่วมมือกันกระทรวง DES ตามแกะรอย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ จนพบที่ตั้งอยู่ในประเทศกัมพูชา ก่อนประสานงาน สตช.เขมร บุกจับกุมผู้ต้องหา 4 แก๊งใหญ่จำนวน 74 ราย หลักฐานมัดแน่น ก่อนนำตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ศปอส.ตร. หรือ PCT แถลงข่าวที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยระบุว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้เดินทางมาพร้อมกับคณะของนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ DES ในการหารือร่วมและทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมาทางไซเบอร์ข้ามพรมแดนแบบทวิภาคีกับรัฐบาลกัมพูชา อีกทั้งทั้งติดตามผลการปฏิบัติงาน ในการบุกเข้าจับกุม 4 แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใหญ่ ซึ่งได้ผู้ต้องหาจำนวน 74 คน เพื่อนำตัวกลับไปดำเนินคดียังประเทศไทยต่อไป ซึ่งการสนธิกำลังระหว่างตำนรวจ PCT และกระทรวง DES โดยได้รับความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกผ่านการประสานงานกับตำรวจกัมพูชา โดยมีชุดปฏิบัติการตำรวจ PCT จำนวนกว่า 20 นาย เข้าทำการตรวจค้นพื้นที่ก่อเหตุของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 5 จุด ได้แก่
จุดที่ 1 เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2565 ณ อาคาร 12 ชั้น โรงแรมจิงเฉิง ถ.สองธนู เมืองพระสีหนุ โดยจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 21 หมายจับ ซึ่งแก๊งดังกล่าวได้แอบอ้างใช้รูปโปรไฟล์บุคคลที่มีบุคลิกหล่อสวยหน้าตาดี ผ่านแอปพลิเคชั่นหาคู่ โดยล่อลวงให้หลงรัก หรือ romance scam และชวนลงทุนในแพล็ตฟอร์มการเก็งกำไรค่าเงิน หรือ ฟอเร็กซ์ ในแอพพลิเคชั่น MetaTrader 5 ซึ่งรวมถึงการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล โดยจะให้ทำการเทรดการวิเคราะห์ทางเทคนิค ตามคำแนะนำ และชักชวนให้ลงทุนกับโบรกเกอร์ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกให้ลงเงินแต่ไม่มีการลงทุนจริง โดยเหยื่อที่หลงเชื่อจะฝากได้อย่างเดียวเท่านั้น แต่ไม่สามารถถอนเงินออกได้
ขณะที่จุดที่ 2 ในวันเดียวกันนั้น ณ บริเวณ คาสิโนโป๋ไหล เมืองพระสีหนุ ถ.ปุโลไว 300 แต่ไม่พบผู้ต้องหา ซึ่งคาดว่าอาจมีการไหวตัวทัน และหลบหนีไปก่อนที่ตำรวจจะบุกเข้าตรวจค้น
ส่วนจุดที่ 3 ได้เข้าทำการตรัวจค้นในวันที่ 6 ก.ค.65 ที่ประตูแดง ณ เมืองพระสีหนุ เช่นกัน โดยได้จับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 18 หมายจับ ซึ่งได้ทำการสวมรอยแอบอ้างเป็น สภ.แหลมฉบัง
นอกจากนี้ ตำรวจ PCT ยังได้จับกุมตัวนายจิรายุ เพิ่มชื่น แอบอ้างเป็นตำรวจสืบสวนสอบสวน ตำแหน่ง ผกก. สังกัด สภ.แหลมฉบัง ซึ่งถือเป็นผู้ต้องหาสำคัญในคดี ณ เมืองพระสีหนุ เช่นกัน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบตัวบุคคล
ขณะที่จุดที่ 4 วันเดียวกัน ณ เมืองพระสีหนุ ตำรวจ PCT ได้บุกเข้าจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้กู้เงินออนไลน์ โดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดพื้นที่ สภ.เมืองจันทบุรีจำนวน 10 หมายจับ
ส่วนจุดที่ 5 วันที่ 7 ก.ค.65 ที่เมืองปอยเปต ได้เข้าจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็นบริษัทส่งพัสดุ DHL และตำรวจ สภ.ท่าใหม่ จำนวน 25 หมายจับ
อย่างไรก็ดีจากปฏิบัติการดังกล่าวนี้ ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 74 คน โดยพบคนไทยที่ทำงานร่วมกับกลุ่มผู้ต้องหา จึงได้นำตัวออกมาสอบสวนเพิ่ม และแจ้งข้อหาในการดำเนินคดีอีกจำนวน 15 คน รวมควบคุมตัวทั้งสิ้น 89 คน
ขณะที่รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า การจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้ง 4 แก๊งนี้ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสถานเอกอัคราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ผู้ช่วยทูตตำรวจ และตำรวจกัมพูชา โดยวันนี้เป็นการเดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชาเท่านั้น เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งหมดยังอยู่ระหว่างการดำเนินคดีตามกฎหมายกัมพูชา เช่น กฎหมายคนเข้าเมือง ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว ทางกัมพูชาก็จะส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดให้กับไทย ซึ่งตนและเจ้าหน้าที่ PCT จะเดินทางมารับตัวที่ จ.สระแก้ว เพื่อนำตัวไปสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถออกหมายจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้จำนวน 237 หมายจับ จับกุมได้แล้ว 138 หมายจับ และอยู่ระหว่างประสานงานติดตามจับกุมอีก 99 หมายจับ
