xs
xsm
sm
md
lg

โอกาสตลาด ‘พีซี’ อยู่ที่นวัตกรรม ในยุค ASUS ครองใจโน้ตบุ๊กจอ OLED

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



หลังผ่านช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่บรรดาแบรนด์คอมพิวเตอร์ต่างได้รับอานิสงส์ในการเติบโตจากความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น เมื่อวิกฤตเริ่มคลี่คลายย่อมทำให้ตลาดพีซีเกิดความท้าทายขึ้น โดยเฉพาะในช่วงสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน

ขณะเดียวกัน ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาราคาเฉลี่ยของโน้ตบุ๊กในท้องตลาดปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 22,000 บาท จากที่ก่อนหน้าสถานการณ์แพร่ระบาดราคาเฉลี่ยทั่วไปอยู่ต่ำกว่า 20,000 บาท แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากหลากหลายปัจจัย

ลีโอ เจิ้ง กรรมการผู้จัดการ เอซุส (ประเทศไทย) จำกัด ให้ข้อมูลถึงภาพรวมตลาดพีซีในช่วงที่ผ่านมาว่า เป็นปีที่ตลาดมีการเติบโตค่อนข้างมาก แต่ก็เผชิญกับความท้าทายในแง่ของการจัดการสินค้า ที่ผลจากการขาดแคลนชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ทำให้แบรนด์ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทั้งหมด

“ในช่วงต้นปีที่สถานการณ์เริ่มดีขึ้น ได้เห็นกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังมีความต้องการสินค้าต่อเนื่องมาจากปีที่ผ่านมา แต่คาดว่าจนถึงสิ้นปีนี้ตลาดคอมพิวเตอร์มีโอกาสที่จะถดถอยลงประมาณ 5% จากหลายๆ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ”

ปัจจัยแรกในเรื่องของการขาดแคลนชิปเซ็ต และการล็อกดาวน์ในประเทศจีน ทำให้ผู้ผลิตพีซีหลายรายได้รับสินค้าเข้ามาจำหน่ายในช่วงแรกไม่เพียงพอต่อความต้องการ แต่เชื่อว่าท้ายที่สุดปัญหานี้จะเริ่มคลี่คลายลง ประกอบกับผู้บริโภคบางส่วนให้ความสนใจกับซีพียูรุ่นใหม่ 12 Gen Intel Core ที่เปิดตัวตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา แต่เพิ่งเริ่มส่งมอบในตลาดโน้ตบุ๊กช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาเท่านั้น

“ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าพฤติกรรมการเปลี่ยนเครื่องใหม่ของผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ ในช่วง 2-3 ปีเหมือนยุคก่อนๆ แล้ว แต่จะเปลี่ยนเมื่อเครื่องมีปัญหา หรือเครื่องรุ่นเก่าไม่ตอบโจทย์การใช้งานมากกว่า ทำให้หลังจากตลาดที่เติบโตมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีความเป็นไปได้สูงที่จะไม่เติบโตเหมือนก่อนหน้านี้”

แน่นอนว่าจากการที่ขาดแคลนชิปเซ็ต ทำให้แบรนด์ต้องเลือกนำสินค้าในกลุ่มที่มีกำลังซื้อเข้ามาทำตลาดก่อน จึงกลายเป็นว่าสินค้าในระดับกลาง-บน โดยเฉพาะในกลุ่มพรีเมียมยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมาระดับราคาโน้ตบุ๊กปรับเพิ่มสูงขึ้น

อีกปัจจัยที่เกิดขึ้นในปีนี้คือผลจากสภาพของเศรษฐกิจทั่วโลก ทั้งภาวะเงินเฟ้อ ค่าเงินบาทอ่อนตัว ทำให้ราคาสินค้าที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยปรับตัวสูงขึ้นด้วย ประกอบกับการที่ในพอร์ตของเอซุส ราคาเฉลี่ยของโน้ตบุ๊กจะค่อนข้างสูงกว่าตลาดรวม โดยปัจจุบันอยู่ที่ราว 26,000 บาท และตั้งเป้าหมายว่าในปีนี้จะมียอดขายเติบโตขึ้นราว 10-15% เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดไว้ให้ได้


ปัจจุบัน เอซุสถือเป็นผู้นำในตลาดโน้ตบุ๊กคอนซูเมอร์ด้วยส่วนแบ่งกว่า 27% และมีส่วนแบ่งเกือบถึง 40% ถ้าเจาะลงไปในตลาดโน้ตบุ๊กที่ราคาเกิน 30,000 บาท โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการมีสินค้าที่หลากหลายตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นในตระกูล Vivobook ตามมาด้วยกลุ่มพรีเมียมอย่าง Zenbook และ ProArt จนถึงในกลุ่มเกมเมอร์ ROG ที่ครองส่วนแบ่งตลาดเกือบ 50%ในช่วงปีที่ผ่านมา

***ให้ความสำคัญตลาดไทย

หนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เอซุสได้รับความนิยมในปีที่ผ่านมาคือการเลือกนำนวัตกรรมอย่างเทคโนโลยีหน้าจอ OLED เข้ามาใช้งานในโน้ตบุ๊ก ก่อนที่ปัจจุบันโน้ตบุ๊กในทุกซีรีส์ของเอซุสจะมีตัวเลือกหน้าจอ OLED ให้ผู้บริโภคใช้งานแล้ว

ลีโอ ให้ข้อมูลเพิ่มว่า ที่ผ่านมาเอซุสให้ความสำคัญกับประเทศไทยเป็นลำดับต้นๆ ในภูมิภาคอาเซียน โดยหลังจากที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ในไต้หวัน หรือระดับโลกแล้ว ประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกๆ ที่มีการเปิดตัวสินค้าใหม่เพื่อนำเสนอนวัตกรรมให้แก่ผู้บริโภค

“พฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยมีความน่าสนใจที่เปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสิ่งของที่จะเข้าไปช่วยให้ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น หรือมีประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น”

สถิติที่น่าสนใจคือ จากยอดขายของโน้ตบุ๊กเอซุสในปัจจุบันสัดส่วนกว่า 30% มาจากโน้ตบุ๊กหน้าจอ OLED และกลายเป็นว่าเอซุสเป็นตัวเลือกเดียวในตลาดเวลานี้ ถ้าผู้บริโภคต้องการโน้ตบุ๊กที่มากับหน้าจอแสดงผลแบบ OLED ทำให้ในแง่ของภาพลักษณ์แบรนด์เอซุสเพิ่มสูงขึ้นมาอย่างชัดเจน


โดยนอกเหนือจากการนำเสนอเทคโนโลยีจอแสดงผล OLED แล้ว ก่อนหน้านี้ เอซุส ได้สร้างความแตกต่างให้ตลาดโน้ตบุ๊กด้วยการนำเสนอโน้ตบุ๊ก 2 หน้าจอออกสู่ตลาด (ScreenPad Plus) เพื่อให้ตอบโจทย์การทำงาน หรือเล่นเกม ที่ต้องการพื้นที่หน้าจอแสดงผลเพิ่มขึ้น

***ตลาดครีเอเตอร์มาแรง

เมื่อเจาะเข้าไปถึงกลุ่มโน้ตบุ๊กที่มีเทรนด์เติบโตในปีนี้ ผู้บริหารเอซุสมองว่ากลุ่มคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ต้องการโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูงพกพาได้ นับเป็นตลาดสำคัญของปีนี้ จากที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเทรนด์ของโน้ตบุ๊กบางเบา กลุ่มพรีเมียมสำหรับการทำงาน และเกมเมอร์ได้รับความนิยม

โดยพื้นฐานของกลุ่มคอนเทนต์ครีเอเตอร์จะต้องการโน้ตบุ๊กที่สามารถตอบโจทย์การทำงานได้เพิ่มเติมจากเครื่องที่สเปกแรงคือ การมีหน้าจอ OLED ที่แสดงสีสันสดใส สมจริง มีพื้นที่ทำงานบนหน้าจอขนาดใหญ่ ซึ่งจะตรงกับนวัตกรรมที่เอซุสนำเสนอมาอย่างต่อเนื่อง

“ในยุคก่อนหน้าที่ยังไม่มีโน้ตบุ๊กที่มาจับกลุ่มครีเอเตอร์โดยเฉพาะ หลายคนต้องเลือกใช้งานเกมเมอร์โน้ตบุ๊กที่มีประสิทธิภาพสูง การ์ดจอแยกระดับสูงเพื่อใช้ในการเรนเดอร์วิดีโอให้ได้เร็วๆ แต่ในปัจจุบันไม่ใช่แล้ว เพราะทุกแบรนด์หันมาให้ความสำคัญกับลูกค้าในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น”

ขณะเดียวกัน เอซุสยังอำนวยความสะดวกให้แก่สายครีเอเตอร์ด้วยการเพิ่มปุ่มควบคุมพิเศษ ASUS Dial เข้ามาให้ผู้ใช้งานชุดโปรแกรมของ Adobe ใช้งานได้สะดวกขึ้นไม่ว่าจะเป็น After Effects, Photoshop, Premier Pro, Lightroom, Illustrator รวมถึงโปรแกรมอื่นๆ ที่รองรับด้วย


ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เอซุสหันมาให้ความสนใจกับกลุ่มครีเอเตอร์มากเป็นพิเศษในปีนี้ ภายใต้การนำเสนอนวัตกรรมที่มาช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการใช้งานจริง เพื่อช่วยยกระดับ และเพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน

***เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นตลาดองค์กร

อีกหนึ่งตลาดที่เอซุส วางเป้าหมายในการเข้าครอบครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเติมคือในกลุ่มธุรกิจองค์กร ซึ่งที่ผ่านมา เอซุสได้เริ่มนำเสนอสินค้าทั้งคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป และโน้ตบุ๊ก ภายใต้ Expert ซีรีส์ เพื่อจับตลาดนี้โดยเฉพาะ ซึ่งที่ผ่านมาสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดขึ้นมาอยู่ที่ราว 5%

ลีโอ ระบุถึงความท้าทายในตลาดองค์กรว่า ยังมีปัจจัยในแง่ของความน่าเชื่อถือที่ทางเอซุสต้องสะสมเพิ่มเติม เพื่อให้องค์กรธุรกิจเกิดความมั่นใจในการเลือกซื้อสินค้าไปใช้งาน เพราะถ้ามองในแง่ของเทคโนโลยี ความปลอดภัย และบริการหลังการขายที่ในช่วงหลังๆ ทางเอซุสลงทุนเพิ่มเข้ามาให้รองรับบริการแบบ Onsite Service แล้ว ก็จะเข้ามาช่วยเสริมในแง่เซอร์วิสให้ลูกค้าในกลุ่มองค์กรด้วย

“การบุกเข้าไปในตลาดองค์กรธุรกิจ นอกจากการเลือกนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเข้ามาแล้ว ยังต้องมีการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรในท้องถิ่นเพื่อให้ช่วยสนับสนุน ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ต้องใช้ระยะเวลาเพื่อทำความเข้าใจลูกค้า และมองหาโอกาสในการเติบโตของธุรกิจต่อไป”

เนื่องจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาตลาดองค์กรธุรกิจหลายแห่งมีการลงทุนในแง่ของการเลือกซื้ออุปกรณ์โน้ตบุ๊กใหม่ให้พนักงานในช่วงที่เกิดสถานการณ์ Work from Home ส่งผลให้การลงทุนในปีนี้อาจไม่เท่าในช่วงก่อนหน้า แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีธุรกิจบางส่วนที่เริ่มฟื้นตัวกลับมา และต้องมีการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ประกอบการโครงการจากหน่วยงานภาครัฐ และสถาบันการศึกษาที่เริ่มกลับมา ทำให้มีโอกาสที่จะเข้าไปบุกในตลาดนี้เพิ่มเติม
กำลังโหลดความคิดเห็น