xs
xsm
sm
md
lg

“คมนาคม”โต้”โฮปเวลล์”ยันร้องศาลสู้คดีใหม่ รักษาประโยชน์ชาติ พบผิดปกติตั้งแต่เสนอโครงการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



“คมนาคม”เผยองค์กรรัฐตรวจสอบ”โฮปเวลล์”พบปมผิดปกติตั้งแต่ ขั้นตอนเสนอโครงการ ทำสัญญา จนนำไปสู่อนุญาโตฯ ยันร้องศาลปกครองพิจารณาพิพากษาคดีใหม่ เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ข้อกฎหมาย และหลักนิติธรรม

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กรณีข้อพิพาทโฮปเวลล์ นั้น เมื่อช่วงปี พ.ศ. 2562 องค์กรฝ่ายบริหาร รวมทั้งคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้ทำการตรวจสอบโครงการโดยละเอียดปรากฏว่ามีความผิดปกติ ในประเด็นต่าง ๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการเสนอโครงการ ขั้นตอนการทำสัญญา ขั้นตอนการบริหารสัญญา ขั้นตอนการ บอกเลิกสัญญา รวมถึงขั้นตอนการพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการ เป็นต้น ดังนั้น หาก กระทรวงคมนาคม และ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท. )ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ โดยมิได้ใช้สิทธิตาม กระบวนการของกฎหมาย ก็ย่อมถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่รักษาผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและ ประชาชน

ในกรณีที่ กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ร้องขอให้ศาลปกครองพิจารณาพิพากษาคดีนี้ใหม่ ซึ่งถือเป็นการใช้สิทธิตาม มาตรา 75 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 อันเนื่องมาจากเหตุที่ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่ 5/2564ลงวันที่ 17 มีนาคม 2564ว่า มติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครอง สูงสุด ครั้งที่ 18/2545 เมื่อวันที่ 27พฤศจิกายน 2545 เรื่อง ปัญหาเกี่ยวกับระยะเวลาการฟ้องคดีปกครอง เป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อมาตรา 3 วรรคสอง และมาตรา 197วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ไทย

กรณีเช่นนี้จึงถือได้ว่ามีข้อกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ อันทำให้ผลแห่งคำพิพากษาของศาล ปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขดำที่ อ. 410-412/2557
คดีหมายเลขแดงที่ อ.221-223/2562 ขัดกับ กฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น

จากเหตุที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ได้ดำเนินการในกรณีโฮปเวลล์ โดยเป็นไปตาม บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักนิติธรรม รวมทั้งยึดมั่นประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ และ ความผาสุกของประชาชน ทั้งนี้ เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 3 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ไทย แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น