xs
xsm
sm
md
lg

10 หุ้นชั้นนำ จัดโปร MID YEAR SALE หลังตลาดฯ นรกแตกร่วงกว่า 100 จุด ในครึ่งเดือน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ในช่วงครึ่งเดือนมิถุนายน 2565 ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยเจอแรงเทขายหนักจาก ดอกเบี้ยขาขึ้น เงินเฟ้อพุ่ง และค่าเงินบาทอ่อนค่าหนัก กดดันให้มีการเทขายหุ้นขนาดใหญ่ออกมาดัน ดัชนีหลุดแนวรับใหญ่หลายครั้ง โดยดัชนีเมื่อ 31 พ.ค.2565 อยู่ที่ 1,663.41 จุด ขณะที่ล่าสุด 17 มิ.ย. 2565 ดัชนีอยู่ที่ 1,559.39 จุด ลดลงไป 104.02 จุด หรือ -6.25% และหุ้นระดับ A+ ในกลุ่มSET 50 หลายตัวร่วงลงอย่างหนัก

1.COM7 (บมจ.คอมเซเว่น) ผลตอบแทนด้านราคาครึ่งเดือน มิ.ย.65 คือ -16.55% (จากราคา 37.75 บาท เหลือ 31.50 บาท ย่อลง 6.25 บาท) ส่วนอัตราผลตอบแทน YTD -22.94% อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 1.59% , P/E Ratio (26.54 เท่า) , มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 75,599.95 ล้านบาท,ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 43.75 บาท , ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 30.50 บาท

บล.เคทีบีเอสที ระบุว่า ได้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ของ COM 7 ลงจากเดิม 2% เป็น 3.27 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 24% จากปีก่อน เหตุหลักเป็นเพราะสินค้า IT บางประเภท ขาดตลาดนานขึ้น จากการทำสงครามระหว่างประเทศรัสเซียกับ ยูเครน ขณะที่ บล.เอเซีย พลัส มองว่า COM 7 ยังเป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจเข้าสะสม สะท้อนจากศักยภาพการเติบโตในอนาคต ที่ยังสามารถคาดหวังได้สูง จากการต่อยอดธุรกิจค้าปลีกไอที ไปสู่สินค้าอื่น

2.STGT (บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย)) อัตราผลตอบแทนด้านราคาครึ่งเดือน มิ.ย. 65 คือ -15.42% (จากราคา 20.10 บาท เหลือ 17.00 บาท ย่อลง 3.10 บาท) ส่วน อัตราผลตอบแทน YTD -43.80% อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 27.34% , P/E Ratio 3.31 เท่า , มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 48,675.44 ล้านบาท, ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 42.75 บาท , ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 15.90 บาท

STGT เป็น 1 ใน หุ้นที่คาดว่าจะถูกคัดออกจากดัชนี SET 50 เนื่องมาจากทิศทางธุรกิจถุงมือยางลดลง ทั้งราคาขายและความต้องการ จากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย โบรกฯ ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่า ราคาหุ้นทั้ง STA-STGT มีโอกาสร่วงหนัก หลังนักลงทุนอาจจะเทขายหุ้นออกมาได้ สอดรับผลดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 65 ที่ประกาศออกมา ไม่ค่อยดีทั้งหุ้นแม่ ลูก

3.TOP (บมจ.ไทยออยล์) อัตราผลตอบแทนด้านราคาครึ่งเดือน มิ.ย.65 คือ -14.65% (จากราคา 58.00 บาท เหลือ 49.50 บาท ย่อลง 8.50 บาท) ส่วนอัตราผลตอบแทน YTD ไม่เปลี่ยนแปลง% อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 5.25% , P/E Ratio 6.16 เท่า,มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 100,981.38 ล้านบาท, ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 62.25 บาท , ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 42.50 บาท

TOP 1 ในหุ้นโรงกลั่นบิ๊กแคป ที่ราคาร่วงยกแผล หลังจากการประชุมทีมเศรษฐกิจฉุกเฉินของรัฐบาล ได้มีมติขอความร่วมมือโรงกลั่นนำส่งกำไรส่วนต่าง 6,000-7,000 ล้านบาทต่อเดือน ในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย. พร้อมให้ต่อมาตรการช่วยเหลือด้านพลังงานไปอีก 3 เดือน และขอความร่วมมือให้โรงกลั่นน้ำมันนำส่งค่าการกลั่นส่วนเกินจากอัตราปกติ เข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อนำมาอุดหนุนราคาน้ำมันภายในประเทศ

4.SAWAD (บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น) อัตราผลตอบแทนด้านราคาครึ่งเดือน มิ.ย.65 คือ -12.61% (จากราคา 55.50 บาท เหลือ 48.50 บาท ย่อลง 7.00 บาท) ส่วน อัตราผลตอบแทน YTD -21.46% อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 3.71% , P/E Ratio 15.15 เท่า ,มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 66,597.89 ล้านบาท, ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 73.50 บาท , ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 46.50 บาท

บล. ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 2/65 มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นทั้งเทียบปีก่อน (YoY) และ ไตรมาสก่อน (QoQ) ที่มีกำไรสุทธิ 1.3 พันล้านบาท และ 1 พันล้านบาท ตามลำดับ เพราะคาดว่าจะเริ่มได้รับอานิสงส์ จากการเร่งขยายสินเชื่อมากขึ้น เช่นเดียวกับ บล.เอเซีย พลัส ที่มองว่า ผลการดำเนินงานของ SAWAD จะเริ่มเร่งตัวขึ้น ตั้งแต่ไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป มีปัจจัยหนุนจากการปล่อยสินเชื่อเชิงรุกมากขึ้น เน้นสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์มากขึ้น

5.PTT (บมจ.ปตท.) อัตราผลตอบแทนด้านราคาครึ่งเดือน มิ.ย.65 คือ -12.42% (จากราคา 38.25 บาท เหลือ 33.50 บาท ย่อลง4.75 บาท) ส่วนอัตราผลตอบแทน YTD -11.84% อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 5.97% , P/E Ratio 9.44 เท่า , มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 956,860.37 ล้านบาท, ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 41.25 บาท , ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 33.50 บาท

PTT พี่ใหญ่ พาหุ้นในเครือ ร่วงยกแผงต่อเนื่อง เจอปัจจัยกดดันตั้งแต่ธุรกิจน้ำมัน-โรงกลั่น-โรงก๊าซ ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับราคาพลังงาน ขณะที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท.อนุมัติให้ปรับแผนการลงทุนสำหรับปี 2565 จาก46,589 ล้านบาท เป็น 91,179 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการเปลี่ยนแปลงการลงทุนในบริษัทที่ ปตท.ถือหุ้น 100% และกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน โดยเป็น “โรงงานผลิตรถอีวี-ธุรกิจยา” กว่า 5 หมื่นล้าน

6.MTC (บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล) อัตราผลตอบแทนด้านราคาครึ่งเดือน มิ.ย.65 คือ -12.18% (จากราคา 49.25 บาท เหลือ 43.25 บาท ย่อลง 6.00 บาท) ส่วนอัตราผลตอบแทน YTD -26.38% อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 0.86% , P/E Ratio 18.54เท่า,มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 91,690.00 ล้านบาท, ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 65.00 บาท , ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 40.25 บาท

รับผลพวงจาก ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% อย่างไรก็คาม ดีมานด์สินเชื่อกลุ่มเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามราคาพืชผลการเกษตรที่เติบโตดีไม่กระทบการชำระหนี้ แถมเปิดเรียนหนุนดันยอดสินเชื่อไตรมาส 2/2565 โตเกินกว่า 30% มั่นใจพอร์ตสินเชื่อถึงระดับ 1.2 แสนล้านบาท ฟากโบรกมองการกลับมาเปิดเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ส่งผลดีต่อธุรกิจ Non-Bank เกษตรกรได้รับผลบวกจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ขยับสูงขึ้น ชู MTC ได้อานิสงส์มากสุด

7.HMPRO (บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์) อัตราผลตอบแทนด้านราคาครึ่งเดือน มิ.ย.65 คือ -10.74 % (จากราคา 14.90 บาท เหลือ 13.30 บาท ย่อลง 1.60 บาท) ส่วนอัตราผลตอบแทน YTD -8.28% อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 2.41% , P/E Ratio 31.30 เท่า , มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 174,910.93 ล้านบาท, ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 16.60 บาท , ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 12.40 บาท

โบรกฯมอง DOHOME คาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2565 จะออกมาฟื้นตัวดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปีก่อนมีมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 เข้มข้นและมีการล็อคดาวน์บางส่วนจึงทำให้ฐานกำไรต่ำลง

8.IRPC (บมจ.ไออาร์พีซี) อัตราผลตอบแทนด้านราคาครึ่งเดือน มิ.ย.65 คือ -10.40% (จากราคา3.46 บาท เหลือ 3.10 บาท ย่อลง0.36 บาท) ส่วน อัตราผลตอบแทน YTD -19.27% อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 7.10% , P/E Ratio6.08 เท่า ,มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด63,346.70 ล้านบาท, ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 4.76บาท , ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 3.06 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุ รัฐบาลขอให้โรงกลั่นนำส่งค่าการกลั่นประมาณ 6-7 ดอลลาร์ฯ/ บาร์เรล และขอให้ PTT นำส่งกำไรส่วนเพิ่มของ GSP 50% หรือ 1.5พันลบ./เดือน ให้กองทุนน้ำมัน คาดว่าผลกระทบต่อกำไรของโรงกลั่น 19% และ PTT 9% โดยมองว่า IRPC ได้รับผลกระทบมากที่สุด ขณะที่ SPRC ได้รบผลกระทบน้อยที่สุด

9.GLOBAL (บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์) อัตราผลตอบแทนด้านราคาครึ่งเดือน มิ.ย.65 คือ -10.38% (จากราคา 21.20 บาท เหลือ 19.00 บาท ย่อลง 2.20 บาท) ส่วน อัตราผลตอบแทน YTD -0.87% อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 1.29% , P/E Ratio 25.81 เท่า, มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 91,233.00 ล้านบาท, ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 23.70 บาท , ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 17.63 บาท

“บล.ภัทร” ปรับลดคำแนะนำ “ขาย” หุ้น GLOBAL จากความกังวลในเรื่องของการดำเนินงานของบริษัททั้งในส่วนของยอดขาย และมาร์จิ้นที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จนถึงปีหน้า ตามการปรับขึ้นของอัตราเงินเฟ้อพร้อมปรับประมาณการกำไรลง 2-9% ตั้งแต่ปี 65 เป็นต้นไป โดยคาดกำไรปี 65-66 ที่ 3,700 และ 3,900 ล้านบาท (+11% และ +6% จากปีก่อนตามลำดับ)

10.RATCH (บมจ.ราช กรุ๊ป) อัตราผลตอบแทนด้านราคาครึ่งเดือน มิ.ย.65 คือ -10.18% (จากราคา 41.75 บาท เหลือ 37.50 บาท ย่อลง 4.25 บาท) ส่วนอัตราผลตอบแทน YTD -12.20% อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 4.36% , P/E Ratio 11.46 เท่า ,มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 54,375.00 ล้านบาท, ราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 50.07 บาท , ราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 36.50 บาท

RATCH ไตรมาส 1/2565 เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีรายได้รวม 18,249.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 109.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 8,701.32 ล้านบาท ตามแผนการลงทุนในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มอีก 700 เมกะวัตต์ (MW) โดยเป็นโครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลัก ไม่น้อยกว่า 450 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ไม่น้อยกว่า 250 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนในปี 2565 เพิ่มขึ้นถึงกว่า 9,800 เมกะวัตต์

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ใน 10 หุ้นนี้ เป็นหุ้นในกลุ่มพลังงาน 4 หลักทรัพย์ กลุ่มพาณิชย์ 3 หลักทรัพย์ และทุกหลักทรัพย์ ที่อัตราผลตอบแทนราคา YTD ที่เป็นลบทั้งหมด ยกเว้น TOP ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดย STGT ติดลบมากที่สุด YTD -43.80%
กำลังโหลดความคิดเห็น