เมื่อสถานการณ์โควิด-19 เป็นไปในทางที่ดีขึ้น ธุรกิจโรงแรมเริ่มค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น ตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทย หนึ่งในนั้นคือกลุ่มโรงแรมราคาประหยัด หรือบัดเจ็ต โฮเทล ที่พบว่าแบรนด์ "ฮ็อป อินน์" (Hop Inn) ของบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เฉพาะในประเทศไทยฟื้นตัวเร็วกว่าโรงแรมในกลุ่มอื่น ปัจจุบันขยายสาขาแล้วถึง 46 แห่ง ครอบคลุม 37 จังหวัด
ล่าสุด กลุ่มโรงแรมฮ็อป อินน์ เริ่มที่จะโปรโมตระบบแฟรนไชส์ เจาะกลุ่มเป้าหมายพื้นที่ที่ยังไม่มีโรงแรมฮ็อป อินน์ หรืออำเภอรองต่างๆ ชูจุดขายความเป็นผู้นำโรงแรมบัดเจ็ตที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศไทย ด้วยลูกค้ามากกว่า 1 ล้านคน และกว่า 50% เป็นลูกค้าองค์กร พร้อมทีมงานที่จะช่วยตั้งแต่ขั้นตอนแรก จนถึงการบริหารงานโรงแรมอย่างมืออาชีพ
สำหรับการลงทุนและสร้างแฟรนไชส์โรงแรมฮ็อป อินน์ มี 2 รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบสร้างใหม่ มีที่ดินอย่างน้อย 1.5 ไร่ ใช้แบบตามมาตรฐานฮ็อป อินน์ จำนวนห้องพักตั้งแต่ 61-79 ห้อง ขนาดห้องพักรวมโซนทำงาน 18 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุนราว 7 แสนบาทต่อห้องพัก หรือประมาณ 50-60 ล้านบาทต่อแห่ง ระยะเวลาการก่อสร้าง 10-12 เดือน
ส่วนรูปแบบการปรับปรุงอาคารเดิม ต้องมีจำนวนห้องพักไม่น้อยกว่า 60 ห้อง ที่จอดรถมากกว่า 50% ของจำนวนห้องพัก และอาคารก่อสร้างตามมาตรฐาน มีระบบดับเพลิงและอัคคีภัย โดยจะปรับปรุงรูปแบบตามมาตรฐานฮ็อป อินน์ ใช้เวลาปรับปรุงประมาณ 1 เดือน ทั้งสองรูปแบบจะมีจำนวนพนักงานประมาณ 15 คนต่อแห่ง
อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจโรงแรม แตกต่างจากธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจค้าปลีก เพราะใช้เวลาคืนทุนนาน 7-9 ปี จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีเงินเย็น มีที่ดินเป็นของตัวเอง แล้วสนใจทำโรงแรมเพิ่ม ซึ่งจะต้องรักในการทำโรงแรมและมีใจรักในงานบริการจริงๆ โดยบริษัทฯ จะเน้นคุณภาพของผู้ได้รับสิทธิแฟนไชส์มากกว่าการเร่งขยาย ซึ่งในปี 2565 ได้ตั้งเป้าไว้ที่ 5 แห่ง
ผู้สนใจสมัครแฟรนไชส์โรงแรมฮ็อป อินน์ แจ้งความจำนงที่เว็บไซต์ https://www.hopinnhotel.com/th/franchise/ โดยบริษัทฯ จะพิจารณาผลการสมัครตามข้อมูล และแจ้งผลให้ทราบภายใน 30 วัน โดยศักยภาพของที่ตั้ง มีความเป็นไปได้ในการประกอบธุรกิจโรงแรม และตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ฮ็อป อินน์ ต้องการขยายเครือข่าย พร้อมทุ่มเทและบริหารตามมาตรฐานแฟรนไชส์
เพชร ไกรนุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ยุทธศาสตร์ระยะยาวของบริษัทฯ มุ่งเน้นขยายเครือข่ายโรงแรมบัดเจ็ตให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง 8 ปีที่ผ่านมา โรงแรมฮ็อป อินน์ ซึ่งบริษัทฯ ลงทุนและบริหารเอง เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เป็นที่ยอมรับของนักเดินทาง ด้วยราคาที่คุ้มค่า ห้องพักได้มาตรฐาน การบริการที่อำนวยความสะดวก
พร้อมกันนี้ยังพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ตั้งแต่การจองถึงการเข้าพัก การพัฒนาระบบสมาชิก ให้เข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งลูกค้าธุรกิจ และลูกค้าท่องเที่ยว รวมถึงการปรับรูปแบบโรงแรมและห้องพักให้ทันสมัยอยู่เสมอ นอกจากนี้ โรงแรมฮ็อป อินน์ ทุกแห่ง ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านความสะอาดและปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ภายใต้มาตรการ "Safe Stay at HOP INN"
ข้อมูลที่น่าสนใจสำหรับโรงแรมฮ็อป อินน์ พบว่ามีลูกค้าที่ไว้วางใจเข้าพักกับโรงแรมฮ็อป อินน์ มากกว่า 1 ล้านคน โดยฐานลูกค้ากว่า 50% เป็นลูกค้าองค์กร อัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงถึง 74% โดยพบว่า 84% จองตรงกับทางโรงแรมฮ็อป อินน์ ด้วยระบบจองตรง 4 ช่องทางที่หลากหลาย เข้าถึงลูกค้าได้ง่าย และยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีระบบสมาชิก Hop Inn Reward ตั้งเป้าหมายสมาชิก 3 แสนรายภายในปี 2565 ส่วนโซเชียลมีเดีย มีผู้ติดตามเฟซบุ๊กกว่า 4 แสนราย และไลน์ออฟฟิเชียล ที่มีระบบ Chat Bot จองตรงกับโรงแรม มีสมาชิก 8 หมื่นราย รวมทั้งยังรักษามาตรฐานความพึงพอใจการเข้าพักมากกว่า 90 คะแนน และพัฒนามาตรการ Safe Stay at HOP INN เพื่อความมั่นใจในการเข้าพัก
สำหรับรูปแบบการให้บริการจะเป็นห้องมาตรฐาน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ เตียงนอน เครื่องปรับอากาศ ระเบียง (ยกเว้นบางสาขา) โต๊ะทำงาน ทีวีแอลซีดี ตู้เย็น ห้องอาบน้ำพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น และอินเทอร์เน็ตไว-ไฟฟรี มีให้เลือกทั้งเตียงใหญ่ และเตียงคู่ จองตรง 4 ช่องทาง ได้แก่ ไลน์ @Hopinnhotel, เว็บไซต์, คอลเซ็นเตอร์, เฟซบุ๊ก HOP INN Hotel Thailand
ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี บางจังหวัดขยายสาขาต่อเนื่อง เช่น เชียงใหม่มีถึง 3 สาขา เชียงราย ลำปาง ขอนแก่น พิษณุโลก ภูเก็ต ระยอง หาดใหญ่ มี 2 สาขา และบางแห่งขยายถึง 2 อาคาร ได้แก่ ขอนแก่น แม่สอด กาญจนบุรี กระบี่ ตั้งเป้าหมายว่า จะมีจำนวนโรงแรมบัดเจ็ตในประเทศไทยให้ถึง 100 แห่งในปี 2568 ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
ระบบแฟรนไชส์โรงแรมฮ็อป อินน์ ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจ สำหรับนักลงทุนที่มีที่ดิน มีเงินเย็น และมีใจรักในงานบริการ ด้วยแบรนด์โรงแรมที่มีมาตรฐานบริการและคุณภาพ ขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง มีระบบสมาชิกที่แข็งแกร่ง การตลาดส่วนกลางที่ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ และโอกาสที่จะได้รับพิจารณาและสนับสนุนเงินลงทุนจากธนาคารชื่อดัง
แต่ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง จึงควรศึกษาข้อมูลการลงทุน และพิจารณาสถานการณ์อย่างรอบด้าน ก่อนตัดสินใจลงทุน
(เกาะกระแสธุรกิจ เศรษฐกิจสดใหม่ เรื่องราวการตลาดที่ใกล้ชิดผู้บริโภค พบกับคอลัมน์ Ibusiness review เป็นประจำทุกเช้ามืดวันพุธ ทางเว็บไซต์ ibusiness.co และเฟซบุ๊ก Ibusiness)