xs
xsm
sm
md
lg

จากข้างถนนสู่การสร้างแบรนด์ “เบอร์เกอร์ข้าวจี่” ต่อยอดและยกระดับอาหารอีสาน สร้างจุดเด่นผ่านตัวละคร “ข้าวจี่เดอะซีรีย์” เจ้าแรกในอุบลฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ข้าวเหนียวหมูปิ้งเป็นเหตุทำให้เกิดไอเดียการสร้างแบรนด์ “ข้าวจี่” และยกระดับจากข้าวจี่ธรรมดาให้กลายเป็นเมนูข้าวจี่ฟิวชั่นที่แตกต่าง ชูเมนู “เบอร์เกอร์ข้าวจี่” เป็นจุดเด่น พร้อมหยิบยกตัวละครมาสร้างเรื่องราวให้เกิดความสนุกในการกินข้าวจี่ เจ้าแรกในจังหวัดอุบลราชธานี ตั้งเป้าต่อยอดขยายแฟรนไชส์ทั่วประเทศ


นายเสฎฐวุฒิ เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา เจ้าของร้าน ข้าวจี่เดอะซีรีย์ เล่าว่า จุดเริ่มต้นในการเปิดร้านนั้นเริ่มต้นจากการที่ตนได้ขับรถแวะปั๊มน้ำมันและได้ซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งกลับมากินด้วย แต่จะกินยากเพราะอยู่ในช่วงการขับรถ แฟนของตนจึงเอาหมูปิ้งออกจากไม้แล้วเอาไปรวมกับข้าวเหนียวในถุงเพื่อที่จะได้กินง่ายกว่าปกติ ทำให้เกิดไอเดียในการกินข้าวเหนียวหมูปิ้งแบบง่ายในช่วงขับรถและเป็นที่มาของการสร้างแบรนด์ “ข้าวจี่ เดอะซีรีย์” โดยได้แนวคิดมาจากการกินข้าวเหนียวหมูปิ้งและสร้างสรรค์ให้กลายเป็นเมนูที่แปลกใหม่อย่าง “เบอร์เกอร์ข้าวจี่” และแรงบันดาลใจในการเปิดร้านนั้นมาจากการที่พ่อของตนต้องการนำพาอาหารอีสานไปไกลให้ถึงระดับโลก รวมถึงพ่อและแม่ของแฟนมีสูตรการทำข้าวจี่แบบดั้งเดิมที่มีทั้งความนุ่มของข้าวและมีกลิ่นหอม ซึ่งเป็นสูตรดั้งเดิมของทางบ้าน ปัจจุบันเปิดร้านมาได้ประมาณ 4 ปี สาขาแรกที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. ด้ามพร้า จังหวัดอุบลราชธานี


ทั้งนี้การเริ่มต้นแบรนด์นั้น เดิมทีเจ้าของร้านสร้างแบรนด์มาจากการเล่าเรื่องราวผ่านตัวละครทั้งหมด 3 ซีซั่น 3 ตัวละครได้แก่ “น้องไข่นุ่ม” และ “พี่ไข่นัว” ซึ่งเป็นข้าวจี่เหมือนกัน แต่จะเป็นข้าวที่นำไปนาบในกระทะ รวมถึงมี “อาม่ากับปลาแห้ง” ซึ่งเป็นสูตรการทำข้าวจี่กินคู่กับปลาแห้ง ซึ่งในแต่ละซีซั่นก็จะมีเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น และในตอนนี้ร้านข้าวจี่ เดอะซีรีย์เป็นเจ้าแรกๆ ในจังหวัดอุบลฯ ที่ทำข้าวจี่ในรูปแบบของเบอร์เกอร์ขึ้นมา


นอกจากนี้จุดเด่นและความพิเศษของเบอร์เกอร์ข้าวจี่ที่นอกจากจะสร้างความแปลกใหม่และเกิดเป็นความคิดสร้างสรรค์ขึ้นมาแล้ว ทางแบรนด์ยังมีความตั้งใจมอบความสนุกของมื้ออาหารให้ในหนึ่งวันของผู้บริโภคไม่น่าเบื่ออีกด้วย รวมไปถึงความสะดวกและง่ายในการกิน ทั้งนี้ลูกค้ารู้จักแบรนด์ได้จากการโปรโมทบนเพจเฟซบุ๊กของทางร้าน และได้นำเสนอว่าเป็นร้านคาเฟ่ข้าวจี่ทำให้มีคนสนใจและเริ่มติดตามกันมากยิ่งขึ้น


สำหรับเทคนิคและกลยุทธ์ในการทำการตลาดนั้น ทางร้านจะนำเสนอข้าวจี่และอาหารอีสานให้กินง่าย เข้าถึงได้ทุกเพศ ทุกวัย ผ่านตัวละครและเรื่องราวการผจญภัยของเด็กชายข้าวจี่และผองเพื่อนที่กล่าวมาข้างต้นของการสร้างตัวละคร ซึ่งเมื่อช่วงที่โควิด-19 ระบาดหนักก็ได้พักร้านไปชั่วคราวและกลับมาเปิดสาขาเพิ่มและทำการตลาดใหม่ โดยการโปรโมทผ่านช่องทาง TikTok และสามารถกลับมาเป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งเปอร์เซ็นต์การเข้าถึงและสนใจเพิ่มขึ้นกว่า 10-20 เท่า รวมถึงออกบูธตามสถานที่ต่างๆ โดยกลุ่มลูกค้าของทางร้านนั้นจะเป็นลูกค้ากลุ่มเด็ก นักเรียน นักศึกษา ครอบครัวและวัยทำงาน


ทั้งนี้ราคาเริ่มต้นของเมนูต่างๆ นั้นในส่วนของข้าวจี่ธรรมดาราคาอยู่ที่ 2 ชิ้น 19 บาท ข้าวจี่แบบสามเหลี่ยม 2 ชิ้น 25 บาท และเบอร์เกอร์ข้าวจี่เริ่มต้นที่ราคาชิ้นละ 39 บาท ซึ่งจะมีไส้ให้เลือกตามใจชอบไม่ว่าจะเป็น อกไก่พริกไทยดำ ปลาดอลลี่ ลาบหมู ลาบไก่ย่าง หมูปิ้ง เป็นต้น ซึ่งลูกค้าจะชื่นชอบเมนูเบอร์เกอร์ไส้ลาบหมูเป็นส่วนใหญ่ และความพิเศษอีกหนึ่งอย่างคือทางร้านใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงูของจังหวัดอุบลฯ มาทำเป็นข้าวจี่ รวมถึงจะมีน้ำซอสแจ่วที่กินคู่กับเมนูต่างๆ เครื่องดื่มและเมนูของหวานให้เลือกอีกมากมาย และเป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน ทำให้ได้รับการตอบรับจากลูกค้านั้นค่อนข้างดี ลูกค้าชื่นชอบในรสชาติและความสนุกในการกินที่ทางแบรนด์นำเสนอ นอกจากนี้ยังเข้าร่วมแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ทุกแบรนด์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น


นอกจากนี้ ทางร้านมีแฟรนไชส์ทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ สาขาปั๊มน้ำมัน ปตท. ด้ามพร้า หน้าโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช ของจังหวัดอุบลราชธานีและในกรุงเทพฯ พื้นที่หน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ยังเปิดได้ยังไม่ถึงเดือน โดยในอนาคตทางร้านตั้งเป้ายอดซื้อแฟรนไชส์ไว้ประมาณ 100 สาขา และมีราคาแฟรนไชส์รูปแบบคีออสที่ราคา 100,000 บาทขึ้นอยู่กับพื้นที่ และรูปแบบร้านนั่งราคา 300,000-400,000 บาท ขึ้นอยู่กับพื้นที่เช่นเดียวกัน



“ความรู้สึกตั้งแต่เปิดร้านสร้างแบรนด์มา ก็รู้สึกว่าจริงๆ เคยรู้สึกถอดใจนิดหน่อยว่ามันอาจจะไม่ถูกใจคนที่นี่หรือเปล่า ที่บ้านก็ให้กำลังใจมาตลอดว่าลองเอาเข้ากรุงเทพฯ ดูอาจจะดีขึ้น เพราะเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับคนกรุงเทพฯ อยู่อุบลมันอาจธรรมดาเพราะกินกันอยู่แล้ว ก็อาจมีความรู้สึกประมาณนี้อยู่บ้าง แต่พอไปกรุงเทพฯ จริงๆ และลง TikTok แล้วดังขึ้นมาได้ก็ไม่เสียใจที่ไม่ทิ้งมันไป”



อย่างไรก็ตามสำหรับเมนูต่างๆ นั้นในอนาคตทางร้านจะเพิ่มเมนูให้หลากหลายแต่ยังคงความเป็นอาหารอีสานและสามารถกินคู่กับข้าวจี่และเบอร์เกอร์ข้าวจี่ได้ รวมถึงยังมีการวางแผนต่อยอดธุรกิจให้ไปในทิศทางของการขยายแฟรนไชส์ให้ได้ทั่วประเทศ และพัฒนาข้าวจี่ให้ดังไกลสู่ระดับโลกให้ได้

ติดต่อเพิ่มเติม
Facebook :
ข้าวจี่ เดอะซีรีย์




















* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *
กำลังโหลดความคิดเห็น