xs
xsm
sm
md
lg

แม็ค คุมต้นทุนพบกำไร 110 ล. กำเงิน 1.8 พันล. ต่อยอดธุรกิจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



“แม็คกรุ๊ป” ฐานะการเงินสุดแกร่ง! ไตรมาส 3/2565 กำไรสุทธิ 110 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ปรับตัวดีขึ้นเกินคาด มาร์จิ้นพุ่งแตะ 65.3% หลังปรับกลยุทธ์การตลาดเน้น Product Mix คุมเข้มต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารค่าใช้จ่าย ด้าน CEO เชื่อมั่นปิดปีผลงานเติบโตตามแผนหลังเร่งปรับโฉมสาขา ลุยขยาย Mc Outlet ครบ 72 แห่ง ทั่วไทยภายในมิ.ย.นี้ พร้อมกำเงินสด 1,851 ล้าน มองหาโอกาสต่อยอดธุรกิจ

นายเจมส์ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์ “แม็คยีนส์” เปิดเผย ถึงภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2565 (มกราคม-มีนาคม 2565) ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 110 ล้านบาท เติบโตขึ้น 18.3% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 93 ล้านบาท
 
“แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมค้าปลีกภายในประเทศ ยังคงเผชิญกับปัจจัยเสี่ยง รอบด้านจากผลกระทบของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับราคาสินค้า และค่าครองชีพที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้นจากสถานการณ์สู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน แต่จากการปรับกลยุทธ์ของบริษัทที่มุ่งเน้นคุมเข้มต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย พร้อมปรับ เกมการตลาดเน้นทำ Product Mix ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิของบริษัทสามารถเติบโตได้แข็งแกร่ง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แม็คกรุ๊ป กล่าว


นอกจากนี้บริษัทยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin : GP) ให้อยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในไตรมาสนี้อยู่ที่ 65.3% ปรับเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 60.7% และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin : NP) อยู่ที่ 14.8% เพิ่มขึ้นจากระดับ 11.9% ในช่วงเดียวกันปีก่อน จากประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ดี โดยค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ปรับลดลงราว 4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เหลือ 347 ล้านบาท

ขณะที่รายได้จากการขายอยู่ที่ 738 ล้านบาท ปรับลดลงราว 5% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน สาเหตุสำคัญมาจากช่องทางจำหน่ายออฟไลน์ ซึ่งเป็นช่องทางหลักที่มีสัดส่วนถึง 91% ของยอดขายรวม ยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะที่ยอดขายจากช่องทางออนไลน์ ยังไม่สามารถเข้ามาชดเชยยอดขายที่หายไปได้ทั้งหมด เนื่องจากกำลังซื้อที่ถดถอย โดยช่องทางร้านค้าปลีกตัวเอง (Freestanding Shop) มียอดขายจำนวน 447 ล้านบาท, ห้างสรรพสินค้า (Department Store) จำนวน 180 ล้านบาท, ซูเปอร์สโตร์ (Superstore) จำนวน 4 ล้านบาท และช่องทางออนไลน์ (E-Commerce) จำนวน 69 ล้านบาท

นายเจมส์ ริชาร์ด กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มช่วงโค้งสุดท้ายไตรมาส 4/2565 (เมษายน-มิถุนายน 2565) คาดว่าจะสดใสต่อเนื่อง หลังเปิดประเทศและรัฐกำลังประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น รวมถึงบริษัทเร่งปรับโฉมและขยาย Mc Outlet เพิ่ม ซึ่งคาดว่าสิ้นมิถุนายนนี้จะมี Mc Outlet ครบ 72 สาขา จากสิ้นเมษายน Mc Outlet มีสาขารวม 68 สาขา พร้อมเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและคุณภาพในราคาที่จับต้องได้ เพื่อกระตุ้นยอดขายต่อบิลให้เพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้ ฐานะการเงินของบริษัทล่าสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นทั้งหมดจำนวน 1,851 ล้านบาท และการที่บริษัทไม่มีหนี้สินในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นก็จะไม่ได้รับผลกระทบ และพร้อมที่จะแสวงหาโอกาสต่อยอดธุรกิจ สร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ผลักดันภาพรวมรายได้และกำไรสุทธิงวดปี 2565 ให้เติบโตต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้
กำลังโหลดความคิดเห็น