xs
xsm
sm
md
lg

โรงงานน้ำตาลคาดการณ์ผลผลิตอ้อยปี 65/66 แตะ 110 ล้านตัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



โรงงานน้ำตาลทรายลุ้นผลผลิตอ้อยฤดูหีบปี 2565/66 แตะระดับ 110 ล้านตันหลังสิ้นสุดฤดูหีบปี 64/65 57 โรงงานมีอ้อยเข้าหีบรวม 92.07 ล้านตัน โรงงาน-ชาวไร่ประสานเสียงกังวลต้นทุนเพิ่มทั้งราคาปุ๋ยที่แพงกว่าเท่าตัว แถมค่าแรงขั้นต่ำอาจขยับขึ้นอีก

นายชลัส ชินธรรมมิตร์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำตาล สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า โรงงานน้ำตาลทรายทั้ง 57 แห่งได้ทำการปิดหีบอ้อยปี 2564/65 ครบทุกแห่งแล้ว โดยมีปริมาณอ้อยเข้าหีบรวมอยู่ที่ประมาณ 92.07 ล้านตัน ค่าความหวานอ้อยเฉลี่ย 12.71 ซีซีเอส ผลผลิตน้ำตาล 110.07 กิโลกรัมต่อตันอ้อย โดยคาดว่าฤดูหีบปี 2565/66 ที่จะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้มีโอกาสที่ไทยจะเห็นระดับผลผลิตอ้อยประมาณ 110 ล้านตันเนื่องจากปริมาณฝนมาเร็วทำให้อ้อยค่อนข้างเติบโตได้ดี

“ฤดูหีบปี 2564/65 มีอ้อยหีบรวม 92.07 ล้านตันเทียบกับฤดูหีบปี 63/64 ซึ่งอยู่ระดับ 66.67 ล้านตันก็ถือว่าสูงขึ้นพอสมควร แต่ยอมรับว่ากระบวนการหีบค่อนข้างมีปัญหาจากขาดแคลนแรงงานที่ต้องพึ่งพิงการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านมาตัดอ้อยสดทำให้การตัดอ้อยป้อนโรงงานของชาวไร่ไม่มีคุณภาพนักเพราะไม่มีการลิดใบอ้อย มีสิ่งสกปรกเจือปน ส่งผลกระทบต่อเครื่องจักรพอสมควรและทำให้ผลผลิตน้ำตาลทรายปีนี้เฉลี่ยคาดว่าจะอยู่เฉลี่ยราว 10-10.5 ล้านตัน ส่วนการตัดอ้อยสดเฉลี่ยคิดเป็นสัดส่วน 72.72% ถือว่าทำได้ดีมากแล้วจากปริมาณอ้อยที่สูงขึ้น" นายชลัสกล่าว

ทั้งนี้ แม้แนวโน้มผลผลิตอ้อยฤดูหีบปี 2565/66 จะสูงขึ้นสู่ระดับ 110 ล้านตันจากปริมาณฝนที่มาเร็วและตกต่อเนื่องในขณะนี้ แต่ปัจจัยที่ต้องติดตามคือผลกระทบจากระดับราคาปุ๋ยที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากจะส่งผลให้ชาวไร่อ้อยอาจไม่สามารถใส่ปุ๋ยเพื่อบำรุงดินส่งเสริมการเติบโตได้มากพอ ซึ่งปัจจัยนี้ก็จะมีผลต่อปริมาณอ้อยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายภาพรวมยังคงมีปัจจัยบวกจากระดับราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดโลกที่ทรงตัวระดับสูงเฉลี่ย 18-19 เซ็นต์ต่อปอนด์ที่จะเอื้อให้ราคาอ้อยยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 1,000 บาท/ตัน จูงใจการเพาะปลูกและดูแลพันธุ์อ้อยต่อเนื่อง

ประกอบกับค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่ามาอยู่ระดับ 33-34 บาทต่อเหรียญสหรัฐจะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกน้ำตาลทรายของไทยเพิ่มสูงขึ้น แต่สิ่งที่ต้องติดตามอีกประเด็นหนึ่งคือทิศทางการปรับขึ้นค่าแรงของรัฐในปี 2565 นี้ว่าจะเป็นอย่างไรหากปรับขึ้นย่อมกระทบต่อต้นทุนการผลิตโดยรวม

นายนราธิป อนันตสุข หัวหน้าสำนักงานสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย กล่าวว่า คาดการณ์ว่าผลผลิตอ้อยฤดูหีบปี 2565/66 เบื้องต้นจะมากกว่าระดับ 100 ล้านตันแต่จะมากน้อยเพียงใดยังคงจะต้องติดตาม 2 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ 1. ค่าเฉลี่ยปริมาณฝนที่ตกว่าจะดีต่อเนื่องมากน้อยแค่ไหนเพราะหากเจอภัยแล้งก็จะกระทบได้เช่นกัน 2. การใส่ปุ๋ยเพื่อบำรุงดินในการสร้างการเติบโตให้อ้อย ซึ่งขณะนี้มีราคาแพงกว่าปีที่ผ่านมาเฉลี่ยกว่าเท่าตัวจะทำให้เกษตรกรลดปริมาณการใส่ปุ๋ยมากน้อยเพียงใด โดยยอมรับว่าผลกระทบเรื่องนี้จะเป็นกันทั่วโลก

“ขณะนี้ราคาปุ๋ยยังคงไม่มีทีท่าจะลดลงแต่อย่างใดหากสงครามรัสเซีย-ยูเครนยังยืดเยื้อภาพรวมต้นทุนที่สูงอาจทำให้เกษตรกรลดปริมาณการใส่ปุ๋ยลง เช่นปีหนึ่งเคยใส่ 2 ครั้งก็อาจลดเหลือครั้งเดียว ส่วนการตัดอ้อยสดฤดูหีบปี 64/65 ที่เพิ่งสิ้นสุดยอมรับว่าเรามีอุปสรรคพอสมควรเพราะฝนมาเร็วทำให้รถตัดอ้อยลงไปยาก แรงงานจากเพื่อนบ้านที่เราต้องพึ่งพิงก็มีปัญหาเพราะการเข้มงวดเรื่องโควิด-19 ทำให้ไม่เพียงพอ แต่ภาพรวมเราก็ทำได้ดีในการลดอ้อยไฟไหม้เพราะอ้อยมีปริมาณสูงกว่าปีก่อนมาก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กังวลคือรัฐอาจปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในช่วงกลางปีนี้ที่จะทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายในฤดูหีบต่อไปสูงขึ้นอีก” นายนราธิปกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น