xs
xsm
sm
md
lg

ท่าเรือแหลมฉบังได้รับมาตรฐานระบบบริหารจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ ยกระดับความเชื่อมั่นผู้ใช้บริการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ท่าเรือแหลมฉบังได้ใบรับรองมาตรฐานสากล ISO 22301:2019 ระบบบริหารจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ ยกระดับความเชื่อมั่นและพึงพอใจต่อลูกค้าผู้ใช้บริการ พร้อมเดินหน้างานถมทะเล รองรับการพัฒนาแหลมฉบังเฟส 3 คาด 2 ปีพร้อมส่งมอบพื้นที่ผู้รับสัมปทานดำเนินการ

วันที่ 12 พ.ค. 2565 นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีมอบใบรับรองระบบการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ ตามมาตรฐาน ISO 22301 : 2019 สำหรับพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ให้แก่ เรือเอก กานต์ เมนะรุจิ รองผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง โดยมีกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) นายเกรียงไกร ไชยศิริ วงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ผู้บริหารและพนักงานการท่าเรือ ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุมแตรทอง 1 ศูนย์สวัสดิการท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

นายอธิรัฐกล่าวว่า แผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ จัดทำขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับเหตุวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นและส่งผลกระทบทำให้การบริการหยุดชะงัก เช่น อุทกภัย อัคคีภัย การชุมนุมประท้วง การจลาจล หรือเหตุการณ์โรคระบาดต่อเนื่อง เป็นต้น ส่งผลให้เกิดการหยุดงาน หรือไม่สามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและพึงพอใจต่อลูกค้าผู้ใช้บริการ แผนบริหารความต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้สามารถรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด และทำให้กระบวนการที่สำคัญสามารถกลับมาดำเนินการได้ตามปกติภายในระยะเวลาที่กำหนด ช่วยลดระดับความรุนแรงของผลกระทบที่เกิดขึ้นได้

ทั้งนี้ ต้องชื่นชมการทำงานของคณะทำงานภายใต้ระบบการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ ISO 22301 : 2019 ผู้บริหาร และพนักงานของ กทท.ที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ร่วมมือร่วมใจกันอย่างเข้มแข็งในการมุ่งมั่นที่จะนำระบบการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ ISO 22301 มาพัฒนาอย่างเป็นระบบ จนได้รับการรับรองมาตรฐานจากบริษัทผู้ตรวจประเมินมาตรฐานสากล แสดงถึงความตั้งใจในการผลักดันความเป็นมาตรฐานสากลและส่งเสริมวิสัยทัศน์ “To be World Class Port” อย่างแท้จริง

สำหรับความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนท่าเทียบเรือ F ซึ่งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของท่าเรือเพื่อรองรับความต้องการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในอนาคตนั้น ขณะนี้ กทท.เป็นผู้ดำเนินงานก่อสร้างงานทางทะเลเพื่อรองรับการก่อสร้างท่าเทียบเรือและโครงสร้างพื้นฐาน ท่าเรือชายฝั่ง งานระบบรางและย่านรถไฟ คาดว่าใช้เวลาอีกประมาณ 2 ปีจึงจะส่งมอบพื้นที่ให้กลุ่มกิจการร่วมค้า จีพีซี เอกชนผู้รับสัมปทาน ดำเนินการต่อไป จึงได้เน้นย้ำให้ กทท. ดำเนินงานโครงการให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ และให้คำนึงถึงคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ คำนึงถึงสุขภาพของประชาชนในบริเวณใกล้เคียง อันจะนำไปสู่ท่าเรือชั้นนำระดับมาตรฐานโลกต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น