xs
xsm
sm
md
lg

Coinbase พังยับเยิน วอลุ่มหายกว่าครึ่งหลังวิกฤตคริปโตฯ ดิ่งแดงเดือด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


Brian Armstrong CEO coinbase
จากการรายงานของ สำนักข่าวเอพี ระบุถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และ Cryptocurrency ของ Coinbase ซึ่งเป็นกระดานซื้อขายสัญชาติอเมริกัน ได้เกิดความเสียหายอย่างหนัก โดยสูญเสียมูลค่าของวอลุ่มเทรดไปจากกระดานเทรดกว่าครึ่งหนึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงปริมาณการขายที่ลดลงไปในรอบ 12 ชั่วโมง และสร้างความเสียหายมากที่สุดในวันพุธที่ผ่านมา เนื่องจากตลาด crypto ที่ผันผวนกลับเข้าสู่ภาวะตกต่ำอีกครั้ง 

วิกฤตการตกต่ำของตลาดคริปโตฯ ล่าสุดเกิดขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ความเสี่ยงสูง เช่นเดียวกับบรรดาหุ้นในตลาด wall street ส่งผลให้มีการเทขายสินทรัพย์ในทั้ง 2 ตลาดออกเป็นจำนวนมาก โดย Bitcoin ซึ่งเป็นเหรียญคริปโตฯ ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกตาม Market Cap. ปรับตัวร่วงลงกว่า -6.11% ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ไปอยู่ที่ 26,818 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 940,500 บาท/ต่อบิตคอยน์ เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนจะปรับตัวขึ้นมาเล็กน้อยมาอยู่ที่ 27,100 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 942,000 บาท

อย่างไรก็ดี ถือว่าราคาบิตคอยน์มีการปรับตัวลดลงครั้งใหญ่ที่สุด โดยมูลค่าหายไปมากกว่าครึ่งหนึ่งนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งมีราคาพุ่งสูงถึง 69,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,300,000 ล้านบาท

ขณะที่ทาง Coinbase ได้เปิดเผยรายงานผลขาดทุนสุทธิในไตรมาส 1/2565 กว่า 430 ล้านดอลลาร์ หรือลดลง 1.98 ดอลลาร์ต่อหุ้น จากยอดขายปริมาณวอลุ่มที่ลดลงและผู้ใช้งานที่ใช้งานอยู่ โดยนักนักวิเคราะห์คาดว่าจำนวนกำไร 8 เซนต์ต่อหุ้น อาจจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากรายรับลดลงจากการที่ปริมาณการซื้อขายลดลง ซึ่งกระดานเทรดมีรายได้มาจากค่าธรรมเนียมการเทรดของลูกค้า ขณะที่จำนวนของปริมาณผู้ใช้รายเดือนก็ลดลงด้วยเช่นกันกว่า 19% จากไตรมาส 4/2565

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่ผลลัพธ์เหล่านั้นจะทำให้นักลงทุนประหลาดใจ เนื่องจากหุ้นของ Coinbase Global Inc. ซึ่งปรับตัวลดลง -43% ในช่วง 4 วันก่อนที่จะมีการเปิดเผยรายได้ในวันอังคาร ต่อมาในวันพุธราคาหุ้นกลับร่วงลง -26% สู่ 53.72 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งหากมองย้อนกลับไปในวันที่เสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเมื่อ 13 เดือนที่แล้ว ราคาหุ้นพุ่งสูงถึง 429 ดอลลาร์ต่อหุ้น

ด้าน Patrick O'Shaughnessy นักวิเคราะห์ที่ดูแล Coinbase สำหรับ Raymond James ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจและการจัดการสินทรัพย์ ตลอดจนการให้บริการทางการเงินแก่บุคคล รับทราบในบันทึกถึงลูกค้าว่ามีการถกเถียงกันอย่างต่อเนื่องถึงตลาด crypto ซึ่งอยู่ในความตื่นกลัวและหวาดระแวงหรือไม่ และถือเป็นสัญญาณภาวะฟองสบู่หลังเกิดโรคระบาดได้หรือไม่

“ในขณะที่ผู้บริหารเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าอดีตจะพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง แต่เราสงสัยว่ามีความจริงมากกว่าเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ crypto ที่ล้มเหลวในการทำหน้าที่เป็นตัวป้องกันเงินเฟ้อในปี 2565” O'Shaughnessy ระบุ

O'Shaughnessy กล่าวอีกว่า เช่นเดียวกับตลาดหุ้นและบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น Wall Street ส่วนใหญ่ ซึ่งบริษัทของเขาคาดว่า Coinbase จะยังคงสูญเสียเงินต่อไปในไตรมาส 2/2565 ที่จะมาถึง และข้อเสียของการควบคุม crypto ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งโฆษณาเกลื่อนกลาดตามท้องถนนจะมีมากกว่าข้อดี"

ขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่ากฎระเบียบกำลังจะมา โดยนาง Janet Yellen รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง กล่าวในเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า จำเป็นต้องมีการกำกับดูแลของรัฐบาลมากขึ้นในอุตสาหกรรมที่เพิ่งเริ่มต้น และในอีก 6 เดือนข้างหน้า กระทรวงการคลังจะทำงานร่วมกับทำเนียบขาวและหน่วยงานอื่นๆ เพื่อพัฒนารายงานและคำแนะนำเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล

"กรอบการกำกับดูแลของเราควรได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับนวัตกรรมที่รับผิดชอบในขณะที่จัดการความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อาจขัดขวางระบบการเงินและเศรษฐกิจ" เยลเลน กล่าว

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Yellen ได้ให้การเป็นพยานต่อคณะกรรมการการธนาคารของวุฒิสภา โดยเตือนผู้บัญญัติกฎหมายเกี่ยวกับ stablecoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มักจะผูกติดกับดอลลาร์หรือสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ เพราะตามทฤษฎีแล้ว Stablecoins เหมาะกับการทำธุรกรรมเชิงพาณิชย์มากกว่า cryptocurrencies อื่นๆ ที่มีมูลค่าผันผวน ซึ่ง Stablecoins สัญญากับนักลงทุนว่าสามารถแลกเป็นเงินดอลลาร์ได้

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการล่าสุดบนเหรียญเสมือนคู่ขนานของ TerraUSD ได้ปรับลดมูลค่าลงเหลือเพียง 30 เซนต์ ทำให้เกิดข้อสงสัยในหมู่นักลงทุนเกี่ยวกับความปลอดภัยของเหรียญที่อ้างตัวว่าเป็นเหรียญเสมือนซึ่งผูกติดกับดอลลาร์จะมีเสถียรภาพ แต่กลับสร้างความคลางแคลงต่อนักลงทุนจำนวนมาก และเกิดความเสียหายต่อนักลงทุนทั่วโลกด้วยเช่นกัน

“สต๊อกของ Stablecoin ที่โดดเด่นกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และเราต้องการกรอบการทำงานของรัฐบาลกลางที่สอดคล้องกันจริงๆ ซึ่งกฎหมายเกี่ยวกับ Stablecoin สามารถสร้างขึ้นได้ภายในปี 2566” Yellen กล่าวกับคณะกรรมการ

ขณะที่ประธานาธิบดี Joe Biden ได้ลงนามในคำสั่งผู้บริหารเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลในเดือนมีนาคมที่กระตุ้นให้ Federal Reserve สำรวจว่าธนาคารกลางควรสร้างสกุลเงินดิจิทัลของตัวเองหรือไม่ โดยคำสั่งของ Biden ยังสั่งให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางศึกษาผลกระทบของ cryptocurrency ต่อความมั่นคงทางการเงินและความมั่นคงของชาติ

ทั้งนี้ ในส่วนของจดหมายที่ Coinbase แจ้งถึงผู้ถือหุ้นว่า "เชื่อว่าสภาวะตลาดในปัจจุบันไม่ถาวรและยังคงมุ่งเน้นไปที่ระยะยาว โดยบริษัทมุ่งเน้นที่การจัดลำดับความสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย เพื่อรองรับความต้องการลูกค้าที่เป็นนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น"
กำลังโหลดความคิดเห็น