xs
xsm
sm
md
lg

10 หุ้น SET 50 จัดโปรลดกระหน่ำ ราคาดิ่งหนักติดต่อกัน 4 วัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



เดือน พ.ค. ของทุกปี บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มักจะเผชิญกับ Sell in May พร้อมกันนั้นนักลงทุนกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 0.5% ในการประชุมเดือน มิ.ย.65 หลังจากทิศทางเงินเฟ้อที่ยังคงมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามราคาน้ำมัน ส่งผลให้มีแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมา ส่งผลให้หุ้นใหญ่หลายกลุ่มราคาปรับลดติดต่อกัน และในกลุ่ม SET 50 มี 10 หุ้นที่ราคาดิ่งหนักลบติดต่อกัน 4 วัน

1.BEM (บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ) อาการหนักสุดในรุ่น เพราะราคาปิดลบติดต่อกัน 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. จนถึง 6 พ.ค.65 ปิดติดลบทุกวัน จากราคา 8.40 บาท (26 เม.ย.65) รูดลงเหลือ 8.10 บาท (6 พ.ค.65) ลดลง 0.30 บาท หรือ -3.57% ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD -4.14% ขณะอัตราเงินปันผลตอบแทน 0.99% ค่า P/E 122.57 เท่า มาร์เกตแคป 123,808.50 ล้านบาท
 
BEM แม้ว่าราคาจะปิดลบลงมาต่อเนื่องมากถึง 6วัน แต่ยังเป็นหนึ่งในหุ้นที่ บล.ทิสโก้ยังคงแนะนำให้ลงทุนในธีมหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการทยอยเปิดเศรษฐกิจ (Re-opening)

2.BDMS (บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ) ราคาปิดลบติดต่อกัน 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. จนถึง 6 พ.ค.65 ปิดติดลบทุกวัน จากราคา 26.75 บาท (27 เม.ย.65) รูดลงเหลือ 24.80 บาท (6พ.ค. 65) ลดลง 1.95 บาทหรือ -7.29% ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD +7.83% ขณะอัตราเงินปันผลตอบแทน 1.81% ค่า P/E 49.66 เท่า มาร์เกตแคป 394,121.65 ล้านบาท

BDMS-COM7 ลุยธุรกิจ “ร้านขายยาขนาดใหญ่” รูปแบบ standalone ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า ตั้งบริษัทร่วมทุนถือหุ้น 60-40% ทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท คาดเริ่มเปิดดำเนินการไตรมาส 4/65

3.ADVANC (บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส) ราคาปิดลบติดต่อกัน 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. จนถึง 6 พ.ค.65 ปิดติดลบทุกวัน จากราคา 220.00 บาท (28 เม.ย.65) รูดลงเหลือ 208.00 บาท (6 พ.ค.65) ลดลง 12.00 บาท หรือ -5.45% ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD -9.57% ขณะอัตราเงินปันผลตอบแทน 3.70% ค่า P/E 22.98 เท่า มาร์เกตแคป 618,576.56 ล้านบาท

ADVANC เป็นหนึ่งในหุ้นที่โบรคฯแนะนำ selective buy ในหุ้นเชิงรับที่มีคุณภาพ และ/หรือมีปัจจัยบวกเฉพาะเพื่อลดความผันผวนของพอร์ตลงทุน ในฐานะเป็น กลุ่มหุ้นที่ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเติบโตดี และ/หรือ มีผลกระทบจำกัดจากปัจจัยภายนอก

4.BBL (บมจ.ธนาคารกรุงเทพ) ราคาปิดลบติดต่อกัน 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. จนถึง 6 พ.ค. 65 ปิดติดลบทุกวันจากราคา 131.00 บาท (28 เม.ย.65) รูดลงเหลือ 128.00 บาท (6 พ.ค.65) ลดลง 3.00 บาท หรือ -2.29% ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD +5.35% ขณะอัตราเงินปันผลตอบแทน 2.73% ค่า P/E 9.22 เท่า มาร์เกตแคป 244,331.89 ล้านบาท

BBL กำไรอ่อนแอกว่าคาดใน 1Q22 จะกดดันราคาหุ้นในระยะสั้นโดยเฉพาะเมื่อพอร์ทสินเชื่อของ BBL ยังทรงตัว ในช่วงต้นปี ดังนั้นนักวิเคราะห์มองว่าให้ติดตามพอร์ตสินเชื่อหากมีการเร่งตัวขึ้นและคุณภาพสินทรัพย์ฟื้นตัวอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ตลาดกลับมาสนใจ BBL

5.COM7 (บมจ.คอมเซเว่น) ราคาปิดลบติดต่อกัน 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. จนถึง 6 พ.ค. 65 ปิดติดลบทุกวัน จากราคา 42.00 บาท (28 เม.ย.65) รูดลงเหลือ 39.25 บาท (6 พ.ค. 65) ลดลง 2.75 บาท หรือ -6.55% ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD -3.98% ขณะอัตราเงินปันผลตอบแทน 1.27% ค่า P/E 35.81 เท่า มาร์เกตแคป 47,100.00 ล้านบาท

โนมูระฯ คาด 4 หลักหลักทรัพย์ JMT-COM7-TIDLOR-BANPU จ่อเข้าคำนวณ MSCI Global Standard Index รอบใหม่ ประกาศรายชื่อ 12 พ.ค.นี้

6.DTAC (บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น) ราคาปิดลบติดต่อกัน 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. จนถึง 6 พ.ค. 65 ปิดติด ลบทุกวัน จากราคา 46.50 บาท (28 เม.ย.65 )รูดลงเหลือ 44.50 บาท (6 พ.ค. 65) ลดลง 2.00 บาทหรือ -4.30% ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD -2.73% ขณะอัตราเงินปันผลตอบแทน 4.72% ค่าP/E 32.32 เท่า มาร์เกตแคป 105,367.59 ล้านบาท

DTAC เผย Q1/65 มีกำไร 726 ลบ. ลดลง 11.6% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน หลังรายได้บริการชะลอตาม ศก. ลั่นครึ่ง ปีหลังวางเครือข่าย 5G ครบ 77 จังหวัด

7.GPSC (บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่) ราคาปิดลบติดต่อกัน 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. จนถึง 6 พ.ค. 65 ปิดติดลบทุกวัน จากราคา 66.75 บาท (28 เม.ย.65) รูดลงเหลือ 63.00 บาท (6 พ.ค. 65) ลดลง 3.75 บาท หรือ -5.62% ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD -29.01%ขณะอัตราเงินปันผลตอบแทน 2.38% ค่า P/E 24.27 เท่า มาร์เกตแคป 177,642.95 ล้านบาท

ไตรมาส 1/2565 มีรายได้ทั้งสิ้น 27,261 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยมีกำไร สุทธิ 313 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 84% และเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2564 (QoQ ) ปรับตัวลดลง 855 ล้านบาท หรือลดลง 73% โดยมีแรงกดดันต้นทุนก๊าซและถ่านหินเพิ่มขึ้น จากคว่ำบาตรพลังงานรัสเซีย

8.HMPRO (บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์) ราคาปิดลบติดต่อกัน 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. จนถึง 6 พ.ค.65 ปิดติดลบทุกวัน จากราคา 15.20 บาท (28 เม.ย.65 )รูดลงเหลือ 14.50 บาท (6 พ.ค. 65) ลดลง 0.70 บาท หรือ -4.60% ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD 0.00% ขณะอัตราเงินปันผลตอบแทน 2.21% ค่า P/E 34.12 เท่า มาร์เกตแคป 190,692.37 ล้านบาท

นักวิเคราะห์ เชื่อว่ากำไรปี 2565 กลับมาฟื้นตัวดีกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ปัจจัยหลักจากการเติบโตตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2565 ของยอดขายสาขาเดิมราว 3% และแผนขยายสาขาเพิ่ม 5-7 สาขา อีกทั้งเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง และรายได้ค่าเช่าพื้นที่จะกลับมาฟื้นตัวได้โดยแนวโน้มกำไรในปี 2565 จะฟื้นตัวกลับมาดีกว่าช่วงปีปกติก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 (ปี 2562)

9.KBANK (บมจ.ธนาคารกสิกรไทย) ราคาปิดลบติดต่อกัน 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. จนถึง 6 พ.ค. 65 ปิดติดลบทุกวัน จากราคา 153.50 บาท (28 เม.ย.65) รูดลงเหลือ 147.00 บาท (6 พ.ค. 65) ลดลง 6.50 บาท หรือ -4.23% ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD +3.52% ขณะอัตราเงินปันผลตอบแทน 2.21% ค่า P/E 9.15 เท่า มาร์เกตแคป 348,291.16 ล้านบาท

KBANK แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ บอร์ดธนาคารมีมติเห็นชอบจัดตั้งบริษัท “กสิกร ไลน์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์” ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท “LINE BK” ถือหุ้น 100% รุกธุรกิจนายหน้าประกันภัย

10.SCGP (บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง) ราคาปิดลบติดต่อกัน 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. จนถึง 6 พ.ค. 65 ปิดติดลบทุกวันจากราคา 55.75 บาท (28 เม.ย.65 )รูดลงเหลือ 52.00 บาท (6 พ.ค. 65) ลดลง 3.75 บาท หรือ -6.73% ส่วนอัตราผลตอบแทนจากราคาย้อนหลัง YTD -24.91% ขณะอัตราเงินปันผลตอบแทน 1.25% ค่า P/E 26.91 เท่า มาร์เกตแคป 223,231.85 ล้านบาท

ไตรมาส 1/65 กำไรลดลง 22% เจอต้นทุนพุ่ง 30,346 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าควบรวมกิจการเพิ่ม 20,000 ล้านบาท ภายในปีนี้

นอกจากนี้ ในกลุ่ม SET50 ยังมี อีก 1 หลักทรัพย์คือSTGT (บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย)) ราคาปิดลบติดต่อกัน 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. จนถึง 6 พ.ค. 65 ปิดติดลบทุกวัน จากราคา 24.30 บาท (29 เม.ย.65) รูดลงเหลือ 20.40 บาท (6 พ.ค. 65) ลดลง 3.90 บาท หรือ -16.05% อย่างไรต้องติดตามว่าหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งเหล่านี้จะฟื้นกลับมาได้หรือไม่

กำลังโหลดความคิดเห็น