xs
xsm
sm
md
lg

“สกพอ.” แจงอีอีซีไม่ได้เกี่ยวข้องกับโครงการประมูลท่อส่งน้ำภาคตะวันออก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



สกพอ.ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับท่อส่งน้ำภาคตะวันออก “บอร์ดอีอีซี” ที่มีนายกฯ เป็นประธานไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งกระบวนการ ขั้นตอนและการตัดสินใจใดๆ โดยอยู่ในความรับผิดชอบของกรมธนารักษ์

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)
แจ้งถึงกระแสข่าวการประมูลท่อส่งน้ำ โครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกว่า สกพอ.ขอชี้แจงว่าการประมูลท่อส่งน้ำดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามภารกิจและภายใต้อำนาจของ กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ดูแลทรัพย์สินของรัฐ ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ซึ่งมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการ ขั้นตอน หรือการตัดสินใจใดๆ ต่อการประมูลโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกแต่ประการใด

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสาระสำคัญของการคัดเลือกเอกชนเพื่อบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก พอสรุปได้ดังนี้ 1. การพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก (ESB) คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2535 และวันที่ 12 กันยายน 2535 อนุมัติให้การประปาส่วนภูมิภาคจัดตั้งบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (East Water) เพื่อเป็นองค์กรหลักในการรับผิดชอบการพัฒนาและดำเนินการดูแลระบบท่อส่งน้ำดิบสายหลักในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก โดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ประสานงานให้บริษัทฯ เช่า/บริหารทรัพย์สินจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบันท่อส่งน้ำสายหลักนี้ จะหมดสัญญาวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ประกอบด้วย (1) โครงการท่อส่งน้ำดอกกราย (2) โครงการหนองปลาไหล-หนองค้อ (3) โครงการหนองค้อ-แหลมฉบัง (ระยะที่ 2)

2. เมื่อหมดสัญญาทรัพย์สินดังกล่าวกลับมาอยู่ภายใต้การดูแลของกรมธนารักษ์ ดังนั้น ก่อนหมดสัญญา กรมธนารักษ์จึงดำเนินการเพื่อสรรหาเอกชนมาบริหาร และดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำดิบสายหลักภาคตะวันออกต่อไป ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการสรรหาเอกชน
กำลังโหลดความคิดเห็น