xs
xsm
sm
md
lg

เพาะเลี้ยงปูนาขาย เริ่มจาก 500 คู่ สู่ฟาร์มขนาดใหญ่ เลี้ยงง่ายกำไรปัง! หลักแสนต่อเดือน!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



เลี้ยงง่ายกำไรปัง! สำหรับการเพาะเลี้ยงปูนาพันธุ์กำแพงและพันธุ์ก้ามหนีบขาว เริ่มต้นเลี้ยงจาก 500 คู่ สู่ฟาร์มขนาดที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งกำลังพูดถึง “ฟาร์มปูนา มาสุข” อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ที่ริเริ่มเลี้ยงปูนาด้วยตัวเอง ลองผิดถูกไปกว่า 1 ปีและประสบผลสำเร็จในปีที่ 2 การันตีด้วยยอดขายหลักแสนต่อเดือน สร้างอาชีพและเป็นรายได้หลักในตอนนี้


นางสาวอนงค์ ทุยไธสง เจ้าของฟาร์มปูนา มาสุข อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น เล่าว่า จุดเริ่มต้นในการทำฟาร์มปูนานั้นเริ่มต้นจากการที่ตนลาออกจากงานที่เคยทำและวางแผนจะไปทำงานที่ต่างประเทศ แต่ก็เกิดปัญหาซะก่อนทำให้ไม่สามารถเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศได้ เหตุเกิดดังนั้นทำให้ตนต้องกลับมาอยู่บ้านและคิดหาหนทางในการสร้างรายได้ โดยตั้งเป้าว่าจะต้องได้เดือนละ 20,000-30,000 บาท ซึ่งมีความคิดที่จะเลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้ง หอย ต่างๆ นานา แต่ก็เป็นสิ่งที่คนทั่วไปเลี้ยงจำนวนมาก ต่อมาแฟนของตนจึงเกิดความคิดที่จะเลี้ยงปู เพราะในพื้นที่ที่อาศัยนั้นยังไม่มีใครเลี้ยงปูนาเพื่อขาย ตนและแฟนจึงศึกษาหาข้อมูลในการเลี้ยงว่ามีที่ไหนบ้างที่เลี้ยงปูนาขาย และศึกษาหาความรู้ประมาณ 3 วัน จึงตัดสินใจสั่งซื้อปูนามาทั้งหมด 500 คู่ ซึ่งในช่วงแรกที่เลี้ยงนั้นทางฟาร์มนำไปเลี้ยงในบ่อปูนซีเมนต์ ส่งผลให้ปูตายจำนวนมากทำให้เริ่มท้อเล็กน้อย


ต่อมาได้ทดลองเลี้ยงในบ่อดิน โดยเลี้ยงในลักษณะคล้ายธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งจะใช้พื้นที่ทุ่งนาและใช้กระเบื้องเก่ามากั้นล้อมเอาไว้กันปูปีนหนี ทั้งนี้การเลี้ยงปูนั้นจะใช้น้ำไม่ลึก โดยจะใช้ประมาณ 50 เซ็นติเมตร และเป็นบ่อแยกจากพื้นที่ทุ่งนาเพื่อแยกเป็นสัดส่วนในการเลี้ยงดู รวมถึงใส่ท่อระบายน้ำ PVC ขนาดใหญ่ลงในบ่อดินเพื่อกันการน้ำท่วมในช่วงฤดูฝน ปัจจุบันเปิดฟาร์มมาได้ประมาณ 4 ปี ทั้งนี้จุดเด่นของปูนาที่ฟาร์มนั้นจะมีความพิเศษตรงที่ตัวใหญ่ ก้ามใหญ่ รสชาติมันตลอดทั้งปี บางตัวอาจจะมีน้ำหนัก 1-2 ขีด ซึ่งถือว่าตัวใหญ่ระดับหนึ่ง เนื่องจากทางฟาร์มมีน้ำและอาหารเลี้ยงดูอย่างครบถ้วน ส่งผลให้สุขภาพปูสมบูรณ์เติบโตต่อเนื่อง


ปัจจุบันทางฟาร์มมีทั้งบ่อปูนและบ่อดินสำหรับการเลี้ยงดู โดยบ่อปูนจะมีประมาณ 10 บ่อ ซึ่งมีไว้สำหรับนำปูมาพักเพื่อเตรียมจัดส่งให้กับลูกค้า บ่อปูนแบบวงกลมประมาณ 5 บ่อ และบ่อดินมีพื้นที่ประมาณ 2 งาน ทั้งนี้อายุการเติบโตที่พร้อมสำหรับนำไปขายนั้น พ่อพันธุ์แม่พันธุ์จะมีอายุประมาณ 6 เดือน ขนาด 4-5 เซ็นติเมตร ส่วนปูนาที่นำไปประกอบอาหารก็จะมีอายุประมาณ 3 เดือน ขนาด 2-3 เซ็นติเมตร และมีอายุขัยประมาณ 2-3 ปี


สำหรับการเลี้ยงดูปูนาของที่ฟาร์มนั้นจะใช้วิธีเลี้ยงแบบธรรมชาติ โดยจะเน้นให้อาหารเป็นพืชผักเป็นหลักและให้ในปริมาณที่มากพอสมควร ซึ่งจะมีทั้งผักบุ้ง ผักกระเฉด ผักตบชวา ที่เป็นพืชน้ำและหาได้ง่ายตามพื้นที่ รวมถึงเป็นที่สำหรับไว้เกาะและหลบในช่วงเวลาที่ปูนาออกลูก ซึ่งเทคนิคการใส่ผักจำนวนมากให้ปูนานั้นมีประโยชน์มากมาย เวลาปูลอกคราบร่างกายในช่วงนั้นจะอ่อนแอ ซึ่งผักเหล่านี้จะช่วยให้ปูนาที่มีร่างกายไม่แข็งแรงในช่วงลอกคราบได้หลบเพื่อความปลอดภัยจากปูที่แข็งแรงกว่า


ทั้งนี้ตลาดรับซื้อปูนาของทางฟาร์มในตอนนี้จะมีทั้งร้านอาหารที่มารับซื้อทุกสัปดาห์ และมีลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมฟาร์มและซื้อติดมือไปด้วย มีทั้งซื้อไปเพาะเลี้ยงและซื้อไปประกอบอาหาร ซึ่งปูนาของที่ฟาร์มจะเลี้ยงทั้งหมด 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์กำแพงและพันธุ์ก้ามหนีบขาว ซึ่งพันธุ์กำแพงจะมีลักษณะเด่นคือ ก้ามและลำตัวปูมีสีแดง ส่วนพันธุ์ก้ามหนีบขาวมีลักษณะเด่นคือปลายก้ามมีสีขาว นอกจากนี้ราคาเริ่มต้นสำหรับปูนาทั้ง 2 สายพันธุ์นั้นเริ่มต้นที่คู่ละ 80-100 บาท แล้วแต่ช่วงฤดูกาล ถ้าหากเป็นฤดูแล้งจะมีราคาที่สูงขึ้น


สำหรับความยากง่ายในการเลี้ยงปูนานั้น ถ้าหากเป็นบ่อดินจะเลี้ยงและดูแลง่ายเพราะเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าเป็นบ่อปูนจะควบคุมอุณหภูมิน้ำค่อนข้างยาก รวมถึงบ่อปูนจะให้ความเย็นมากกว่าบ่อดิน ส่งผลให้ปูปรับสภาพน้ำไม่ได้ทำให้ตายและโตช้ากว่าเลี้ยงในบ่อดินแบบธรรมชาติ ซึ่งทางฟาร์มจะมีการปรับสภาพน้ำในบ่อปูนเพื่อช่วยอีกหนึ่งช่องทาง


ในช่วงแรกที่ลงทุนซื้อปูนามาทั้งหมด 500 คู่นั้น เจ้าของฟาร์มลงทุนไปประมาณ 50,000 บาทเฉพาะปูนาบวกกับอาหารและบ่อปูนต่างๆ รวมทั้งหมดประมาณ 130,000 บาท ซึ่งหลังจากนั้นก็นำเอาปูที่เหลือจากการตายในบ่อปูนนำไปเลี้ยงในบ่อดินแทน โดยไม่ได้ลงทุนและซื้อปูนาเพิ่มและต่อมาก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง ปูไม่ตายและสามารถขยายได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งระยะในการขยายพันธุ์นั้นประมาณ 3 เดือนจึงจะออกลูกและใน 1 ปี จะออกลูกทั้งหมด 3 รอบ แตกต่างจากปูนาที่เกิดเองตามธรรมชาติและใช้ชีวิตในธรรมชาติ 100% จะออกลูกปีละ 1 ครั้งเท่านั้น


“ตั้งแต่ตอนแรกที่ลงทุนไปจนถึงตอนนี้คุ้มค่าในการลงทุนมากค่ะ ตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้เหมือนกัน ซึ่งจะมาได้ทุนคืนในปีที่ 2 ในการเลี้ยงเพราะปีแรกเราทดลองแบบถูกผิดกันไปไม่มีคนสนใจมากนัก แต่พอเข้าปีที่ 2 เริ่มทำเพจเฟซบุ๊กทำให้คนสนใจมากขึ้น ก็เลยได้ขาย”


ปัจจุบันลูกค้าให้ความสนใจอย่างต่อเนื่องและเข้ามาสั่งซื้อปูนาของที่ฟาร์มอยู่ตลอด มีทั้งซื้อเป็นคู่และซื้อเป็นกิโลกรัม ซึ่งปูที่ขายเป็นคู่นั้นจะมีลักษณะแข็งแรงสมบูรณ์ครบถ้วน ส่วนที่ขายเป็นกิโลอาจจะไม่สมบูรณ์ครบถ้วน ซึ่งส่วนมากจะนำไปประกอบอาหาร เช่น แกงอ่อมปูนา ลาบปูนา น้ำพริกปูนา ดองปูนาและอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งลูกค้าส่วนมากมีทั้งในพื้นที่ 20% และต่างจังหวัด 80%


นอกจากนี้ในปีที่ 2 ที่เริ่มขายนั้นสามารถสร้างรายได้ให้เจ้าของฟาร์มเดือนละ 100,000 บาท หรือบางเดือนประมาณ 40,000-50,000 บาท แต่พอโควิด-19 เริ่มเข้ามาก็ทำให้ยอดขายตกเหลือเพียงเดือนละ 20,000-30,000 บาท แต่ยังสามารถขายได้ต่อเนื่องเพียงแค่เปอร์เซ็นต์การขายลดลงอย่างเห็นได้ชัด


ทั้งนี้ในการจัดส่งปูนาถ้าหากอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงทางฟาร์มก็จะไปส่งให้ถึงที่แต่ถ้าเป็นต่างจังหวัดทางฟาร์มจะใช้บริการขนส่งของไปรษณีย์ไทย โดยจะบรรจุปูลงในกล่องพลาสติก 1 ตัว ต่อ 1 กล่อง และใส่ฟองน้ำชุบน้ำเข้าไปด้วย เพื่อกันไม่ให้ปูดิ้นและขยับ รวมถึงมีกล่องกระดาษซ้อนทับอีก 1 ชั้น และระยะการเดินทางขึ้นอยู่กับทางขนส่ง


อย่างไรก็ตามทางฟาร์มจะได้ต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำจากปูนาอีกด้วย เช่น น้ำพริกปูนา น้ำพริกอ่องปู และนำไปขายตามตลาดในพื้นที่เพื่อสร้างรายได้อีกหนึ่งช่องทาง รวมถึงในอนาคตทางฟาร์มมีการวางแผนต่อยอดธุรกิจให้ไปในทิศทางของการเพิ่มบ่อดินสำหรับเลี้ยงปูนาอีก 1 บ่อ ขนาด 1 ไร่ เพื่อรองรับการขยายพันธุ์ของปูนาและความต้องการของลูกค้าเพิ่มมากยิ่งขึ้น

ติดต่อเพิ่มเติม
Facebook : ฟาร์มปูนา มาสุข อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น


* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *
กำลังโหลดความคิดเห็น