xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป)สายสปอยตัวแม่! “ข้าวปลาแกะ” ขายดีจนแกะไม่ทันยอดขายพุ่งวันละกว่า 700 ตัว!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



“ป้าขายมา 20 กว่าปีแล้วนะ ก่อนนี้ก็จะมี กับข้าวเป็นแกงถุง มีปลาทอด เครื่องในไก่ทอด แจ่วปลาร้าและก็ผักสดด้วย แต่พอดีว่าอยู่มาวันหนึ่ง มีสาวออฟฟิศมาบอกป้าศรีช่วยแกะปลาให้หน่อยได้ไหม ป้าก็เลยบอกไปว่าถ้าอย่างนั้นต้องรอให้คนน้อยๆ ก่อนนะ ถ้าคนเยอะป้าก็ยังแกะให้ไม่ได้ ปรากฏว่าหลังจากวันนั้นที่ป้าแกะปลาให้แล้ว ต่อมาก็เกิดการสั่งแบบนี้มาเรื่อยๆ มีการบอกต่อกันจนทำให้เกิด ข้าวปลาแกะ ซึ่งกลายเป็นตัวหลักที่ป้าศรีขายอยู่จนกระทั่งมาถึงตอนนี้”

ป้าศรี-นางแพงศรี ชมบุญ เจ้าของร้าน ข้าวปลาแกะ
ป้าศรี ยังเล่าให้ฟังอีกว่า เมื่อก่อนเคยทอดปลาขายอยู่ต่อวันก็ราวสัก25 กก. ทุกวันก็จะเตรียมของใส่รถเข็น เข็นออกไปขายกันฝั่งโน้น (ซอยข้างเซเว่นฯอยู่ฝั่งตรงข้าม) ทำช่วยกัน3 คน มีป้า สามี และก็พี่สาวป้า(เสียชีวิตแล้ว) ทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตามประสาคนต่างจังหวัดที่เข้ามาหางานทำอยู่ในกรุงเทพฯก็มีอาชีพนี้ที่ใช้ทำกินกันเรื่อยมา ขายดีบ้างไม่ดีบ้างแต่ว่า
ถ้าเราไม่ทำก็ไม่รู้ว่า จะเอาอะไรกิน อีกอย่างคือเราเองก็ไม่ได้ร่ำเรียนมาสูงๆ การมีงานมีอาชีพค้าขายทำก็นับว่าดีมากๆ แล้ว

ข้าวปลาแกะ ปลานิลทอด
โควิดพ่นพิษทำลูกค้าหาย ยอดขายหด!

ป้าศรี บอกด้วย ช่วงโควิดฯที่ผ่านมาซึ่งมีการประกาศปิด/ล็อกดาวน์ เพื่อให้คนหยุดเดินทาง ทำงานอยู่กับบ้านกัน
(WFH) ตอนนั้นร้านของป้าขายของกันแทบจะไม่ออกเลย เพราะลูกค้าประจำส่วนใหญ่ก็คือจะเป็นคนทำงาน สาวออฟฟิศ และทำงานโรงงานกัน ดังนั้นพอเขาประกาศปิด คนก็ไม่ได้มาทำงานกัน แต่ร้านของป้าก็ไม่ได้ปิดตามไปด้วย ยังคงเปิดขายกันตามปกติอยู่ ขายได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็ต้องขายเพราะถ้าเราไม่ทำแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรกินเหมือนกัน ก็เลยสู้ทนมาเรื่อยๆ

ปลาสลิดทอด
เปิดประเทศแล้วยอดขายเริ่มดีขึ้น
และได้Tiktok ที่ลูกค้าทำให้ช่วยดันเพิ่มอีกทาง


จนกระทั่งพอเริ่มมีการเปิดประเทศ ช่วงเดือน พ.ย. เป็นต้นมายอดขายของร้านก็เริ่มดีขึ้น มีคนกลับมาทำงานกันตามปกติมากขึ้น
ทำให้ยอดที่เคยซบเซาก่อนหน้าก็ค่อยๆ ฟื้นคืนกลับมาบ้าง แต่ว่าที่กลายมาเป็นจุดพี้คขึ้นจริงๆ หรือที่ป้าศรีบอกกับเราว่า “ที่ทำให้ดังขึ้นมา” ก็คือป้าศรีบอกว่า มีลูกค้าไปช่วยรีวิวข้าวปลาแกะของร้านป้าศรีให้ในTiktok ด้วย เลยกลายเป็นว่าตรงนี้ที่ทำให้คนรู้จักร้าน ข้าวปลาแกะ เพิ่มมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ นำมาสู่ยอดขายต่อวันจากเดิมเคยแค่25 กก. อย่างเต็มที่เลย ตอนนี้เพิ่มขึ้นมาเป็นวันละ600-700 ตัว และหลังจากนั้นก็มีสื่อต่างๆ แวะเวียนเข้ามาช่วยถ่ายทำรายการเพื่อเผยแพร่ให้อีก ทำให้ตอนนี้ร้านข้าวปลาแกะของป้าดังไปเลย (บอกพลางหัวเราะชอบใจ) ช่วยเพิ่มยอดขายขึ้นได้มากกว่าแต่ก่อนต่างกันเยอะมาก

น้ำจิ้มรสเด็ดสูตรพิเศษของร้านป้าศรี รสชาติแบบซีฟู้ด
จุดเด่นของ “ข้าวปลาแกะ”
ร้านป้าศรี


สำหรับจุดเด่นของ “ข้าวปลาแกะ” ป้าศรีบอกว่าคือ ปลานิลทอด ซึ่งที่ร้านของป้าศรีจะเน้นใช้แต่ปลานิลเป็นหลักมาตลอด
เป็นปลาไซส์ขนาด3 ตัว/กก. สั่งซื้อมาแบบปลาสด(มีชีวิต) เพื่อจะมาเตรียมล่วงหน้าไว้ก่อน1 วัน สมมติว่าจะขายพรุ่งนี้ วันนี้บ่าย2 ปลาจะต้องมาส่งถึงร้านของป้าศรีรอไว้แล้ว จากนั้นก็คือจะทำการเตรียมปลาโดยการน็อคน้ำแข็งไว้ก่อนเลย เป็นอันดับแรก ก่อนจะมาจัดการ ขอดเกล็ด ควักไส้ บั้งข้าง แล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาดเพื่อเตรียมสำหรับ การทอดปลาต่อไป
ซึ่งปลานิลที่ใช้ทอดนี้ป้าศรีบอกว่าจะไม่มีการปรุงรสใดๆ ก่อนเลย เพราะทีเด็ดถัดมาของร้านนี้ก็คือ น้ำจิ้ม ที่มีรสชาติออกทางซีฟู้ด เพื่อเป็นตัวชูรสชาติในระหว่างการรับประทานปลากับข้าวก็จะพอดีเลย วัตถุดิบทำน้ำจิ้มก็จะมี พริกจินดาเขียว+แดง หัวหอม กระเทียม น้ำปลา น้ำตาลปีบ โดยน้ำจิ้มนี้ลูกค้าสามารถตักราดได้ตามพอใจเลย หรือต้องการแบบแยกต่างหากก็มีแบ่งตักใส่ถุงเตรียมให้พร้อม ทั้งนี้ ปลานิลทอด1 ตัวจะแกะเอาแต่เนื้อเน้นๆ ใส่ให้ไปต่อ1 กล่องเลย แล้วก็ยังมี “ปลาสลิด” ที่ทอดควบคู่กันมาด้วย ที่ร้านจะใช้ปลาไซส์300 บาท/กก. (ขนาด) เวลาแกะจะแกะให้ลูกค้า1 ตัวครึ่ง ต่อ1 กล่อง จะได้เนื้อปลาสลิดที่พอดีทานอิ่ม หรือหากใครจะสั่งแบบผสมกัน1 กล่อง มีทั้งปลานิล+ปลาสลิดรวมก็ได้ เพราะที่ร้านคิดราคาเท่ากันคือ45 บาท/กล่อง เท่านั้น ส่วนข้าวสวยที่ให้ก็จะใช้เป็นข้าวหอมมะลิ ผสมกับข้าวเสาไห้ ที่ใส่ปนไปด้วยกันอีกนิดหน่อย

ใช้ปลานิลสด(แบบมีชีวิต) ไซส์ 3 ตัว/กก.นำมาทอด
ยอดขายวันละ600-700 ตัว ขายหมดทุกวัน!!!

ทุกวันป้าศรีบอกว่าลุงแนบ (สามี) จะต้องตื่นนอนขึ้นมาเพื่อเตรียมการ สำหรับทอดปลาตั้งแต่ตี2 แล้วเพราะไม่อย่างนั้นจะไม่ทันกว่าทีมแกะปลาจะแกะกันเสร็จ ในช่วงเช้ามืดของทุกวันก็จะมีลูกๆ หลานๆ ซึ่งเป็นญาติพี่น้องกันมาช่วยแกะปลาให้ก่อน ร้านเปิด07.00น. ก็จริงแต่สัก06.00 น.กว่าๆ ลูกค้าก็มารอที่หน้าร้านได้แล้วเพราะมีของพร้อมขายแล้ว ซึ่งตอนนี้อย่างเต็มที่เลยเอาเท่าที่พอทำขายกันไหว ทุกวันจะลงปลานิลเตรียมเอาไว้ราว600-700 ตัว เพื่อที่ร้านจะเปิดขายเรื่อยไปตลอดทั้งวัน เรียกว่าปลาหมดตอนไหนก็ถึงจะหยุดขายหรือปิดร้านกันตอนนั้นเลย และนอกจากมีเปิดหน้าร้านตรงนี้แล้ว ช่วงเดือนกว่าที่ผ่านมายังได้สมัครเข้าร่วมบริการขาย ผ่านระบบออนไลน์ ลูกค้าสามารถสั่งผ่านได้ทั้งไรเดอร์ของไลน์แมนและโรบินฮู้ดที่ร้านร่วมให้บริการอยู่ด้วย ซึ่งก็มีหลานๆ ช่วยจัดการเรื่องนี้ให้รวมถึงทางร้านเองก็จะมีเฟซบุ้กแฟนเพจสำหรับให้คนที่สนใจได้แวะเข้ามาดูในอีกช่องทางหนึ่ง โดยร้านจะเปิดขายวันจันทร์-วันเสาร์ (หยุดวันอาทิตย์) ซึ่งสำหรับในช่วงวันเสาร์จะเปิดขายผ่านออนไลน์แบบเต็มวันเลย แต่ถ้าในวันทำงานปกติอาจมีเปิดๆ ปิดๆ การรับออเดอร์ในระหว่างวันไปบ้าง เหตุเพราะว่า แกะปลาทำส่งลูกค้าไม่ทัน!
ก็เลยบางทีอาจจะต้องมีการปิดรับออเดอร์ชั่วคราวก่อน ปัญหาคือแกะไม่ทันจริงๆ แต่ว่าปลาที่ลงไว้ต่อวัน600-700 ตัวตอนนี้สามารถขายหมดเกลี้ยงทุกวัน และส่วนมากพอถึงช่วงบ่ายโมงหรือไม่เกินบ่าย2 ของก็ขายหมดแล้ว

ทีมงานช่วยแกะปลา
การลงทุนของร้าน “ข้าวปลาแกะ”
พอขายดีขึ้นต่อวันจะต้องใช้ปลาเป็นจำนวนมากขึ้นป้าศรีบอกว่า ก็เริ่มมีปัญหาให้หนักใจอยู่เหมือนกัน คือในเรื่องของ “คุณภาพ”
ปลานิลที่สั่งเข้ามาในแต่ละวันเริ่มมีบ่อยครั้งที่ ไม่ตรงกับสเป็ก (ความสดมีชีวิต) ตามที่ต้องการ ทำให้ต้องเปลี่ยนเจ้าใหม่ที่จะต้องสั่งปลาอยู่บ่อยๆ เพราะค่อนข้างกังวลหากปลาที่ได้มาไม่สดจริง เวลามาทอดแล้วสีที่ได้ก็จะดำหรือไม่สวยซึ่งเห็นแตกต่างกันอย่างชัดเจน ก็เลยไม่อยากให้ลูกค้าที่มาซื้อข้าวปลาแกะไปทานกันต้องผิดหวังในคุณภาพที่ได้ ดังนั้นเรื่องนี้ป้าศรีบอกกังวลใจเกี่ยวกับแหล่งปลาที่จะต้องซื้อมาทำในแต่ละวันอยู่พอสมควร ซึ่งจากต้นทุนต่อวันที่ต้องใช้ก็จะมี เฉพาะค่าปลานิลอย่างเดียวก็ร่วม17,000 บาทแล้ว ส่วนที่เหลือนอกนั้นก็จะเป็นค่า น้ำมันสำหรับทอดปลา ค่าวัตถุดิบในการทำน้ำจิ้ม ค่าข้าว และก็ที่สำคัญสุดคือ ค่าแรงงานในการแกะปลา ทำปลา ทอดปลา ฯลฯ ซึ่งหลักๆ ก็จะเป็นเครือญาติกันที่มาช่วยมีหลายคนที่ทำงานประจำด้วย
ก็จะได้มาช่วยในช่วงเช้ามืดก่อนที่เข้างานเช้า หรือว่าช่วงว่างตอนพักเที่ยงก็จะมาทำช่วยกัน ดังนั้นการช่วยเหลือในเรื่องของค่าแรงที่ให้กันป้าศรีบอกว่าต้องคำนึงถึงให้เขาเองก็ต้องอยู่ได้ด้วย

ลูกค้าทยอยมาสั่งข้าวปลาแกะไม่ขาดสาย
อย่างไรก็ตาม ป้าศรีเจ้าของร้าน “ข้าวปลาแกะ” ได้กล่าวเน้นย้ำว่า การลงทุนเดิมทีเลยที่ตนเองทำข้าวปลาแกะขายนั้น
ใช้ทุนเริ่มแค่เพียง5,000 บาท ขายวันหนึ่งๆ ใช้ปลาอยู่ราวสัก25 กก. ตอนนั้นยังทำน้อยก็ลงทุนน้อย แต่ตอนนี้พอเริ่มขายดีขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน ใช้ปลาต่อวันเพิ่มขึ้นมาเป็น600-700 ตัว จริงอยู่อาชีพนี้ไม่ได้ใช้อุปกรณ์ยุ่งยากซับซ้อน แต่ว่าจะจุกจิกในเรื่องของขั้นตอนการทำ โดยเฉพาะการแกะปลาที่ต้องใช้เวลาและใช้คนมากช่วยกันทำ ดังนั้นการลงทุนก็สูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
แต่ไม่ว่าจะขายดีอย่างไรสุดท้ายแล้วก็ต้องเอาแค่ ทำเท่าที่ทำไหวพอ! และส่วนกำไรที่ได้มาถือว่าตรงนี้เรามีงานมีอาชีพทำพร้อมกับได้ช่วยเหลือญาติพี่น้องไปด้วยป้าศรีบอกว่าแค่นี้ก็พอใจมากๆแล้ว

สอบถามเพิ่มเติม โทร.089-448-4793




* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *
กำลังโหลดความคิดเห็น