“เสี่ยป๋อง” เชื่อหุ้นไทยยังไปต่อ เฟดคุมเข้มนโยบายกดดันระยะสั้น

“เสี่ยป๋อง” เชื่อภาพรวมหุ้นไทยยังอยู่ในทิศทางบวก ระยะสั้นแค่กังวลการส่งสัญญาณคุ้มเข้มนโยบายการเงินของเฟด คาดหากไม่หลุด 1,630 จุด ดัชนียังไปต่อ ขณะที่โบรกเกอร์แนะความผันผวนสัปดาห์นี้ยังมีจากการแพร่ระบาดในประเทศ

"เสี่ยป๋อง-วัชระ แก้วสว่าง" นักลงทุนรายใหญ่ด้านเทคนิค แสดงความเห็นถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา ว่า การปรับลดลงของดัชนีหลักทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมา เกิดจากความกังวลของนักลงทุนท่ามกลางความกังวลต่อการเตรียมคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เป็นปัจจัยหลัก ขณะที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์ “โอมิครอน” ถือเป็นปัจจัยที่กดดันรองลงมา

“ส่วนตัวในทางเทคนิคเชื่อว่าหากดัชนีไม่ลดลงไปต่ำกว่า 1,630 จุด ดัชนีหลักทรัพย์ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นจากภาพรวมยังอยู่ในทิศทางบวก แต่หากหลุดแนวรับดังกล่าว และไปถึง 1,570 จุด มองว่าน่าเป็นห่วงมากกว่า”

ขณะที่ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวันสุดท้ายของสัปดาห์ปี 2565 (7 ม.ค.) ดัชนีรีบาวนด์ขึ้นมาปิดที่ 1,657.62 จุด เพิ่มขึ้น 4.59 จุด หรือ +0.28% มูลค่าการซื้อขาย 89,096.14 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขาย ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบสลับแดนบวก โดยปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,662.42 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,650.53 จุด นอกจากนี้ พบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า 2,703.01 ล้านบาท แต่ในทางกลับกัน นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า 1,797.61 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า 178.57 ล้านบาท บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า 726.84 ล้านบาท

นักวิเคราะห์เชื่อสาเหตุของการปรับตัวขึ้นครั้งนี้มาจากนักลงทุนคลายความกังวลกับจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 ที่ปรับตัวขึ้น เพราะเชื่อว่ารัฐบาลน่าจะคุมสถานการณ์ไว้ได้ จึงยังไม่มีการตอบรับเชิงลบ โดยมีแรงเก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่บางตัว เช่น PTTEP จากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น และเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็ก หลังจากไม่มั่นใจทิศทางเม็ดเงินต่างชาติ (Fund Flow)

สำหรับทิศทางในระยะสั้น ประเมินว่าดัชนีหลักทรัพย์อาจจะผันผวนจากตัวเลขการระบาดซึ่งน่าจะเป็นขาขึ้นเต็มตัว อีกทั้งจะให้น้ำหนักกับการส่งสัญญาณของเฟดมากกว่า จึงแนะนำรอดูทิศทาง Fund Flow ถ้ายังซื้อสุทธิน่าจะหนุนตลาดต่อ โดยประเมินแนวรับสำคัญที่ 1,640 จุด แนวต้านที่ 1,680 จุด

ด้านบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่าในสัปดาห์นี้ (10-14ม.ค.) ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,645 และ 1,620 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,665 และ 1,680 จุด โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ Covid-19 ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงทิศทางเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ

โดยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ดัชนีราคานำเข้าและดัชนีราคาส่งออกเดือน ธ.ค.2564 ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน ธ.ค.2564 ของจีน ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน ธ.ค.2564 ของญี่ปุ่น ตลอดจนผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน พ.ย.2564 ของยูโรโซน