เริ่มต้นจากการทำดื่มเองสำหรับคราฟต์เบียร์ไทยอย่างแบรนด์ “ผีบอก” (Pheebok) และเติบโตจนสามารถผลิตและขายได้อย่างถูกกฎหมายเหมือนอย่างปัจจุบัน มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่นำเอาความความเชื่อเรื่องผีของคนไทยผสมเข้ากับคอนเส็ปต์และแพคเกจจิ้งของแบรนด์ ต่อยอดจากใต้ดินทะยานสู่บนดิน พร้อมรุกตลาดไทยและดันสินค้าขึ้นห้างสรรพสินค้า
พ่อหมอ เจ้าของธุรกิจคราฟต์เบียร์ไทย แบรนด์ Pheebok เล่าว่า จุดเริ่มต้นในการทำคราฟต์เบียร์นั้น เริ่มต้นมาจากความชอบส่วนตัว โดยปกติแล้วตนเป็นคนที่ชื่นชอบการดื่มเบียร์อยู่เป็นประจำ ย้อนเวลาไปเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว เบียร์ต่างประเทศหรือเบียร์ทางเลือกเริ่มเข้ามามีบทบาทในประเทศไทย และมีรสชาติที่แตกต่างจากเบียร์ตามท้องตลาดทั่วไป ประกอบกับการผลิตเบียร์ดื่มเองนั้นไม่ได้มีขั้นตอนที่ยุ่งยากอะไรนัก แต่จะมีอุปกรณ์และเรื่องกฎหมายที่ต้องศึกษาค่อนข้างมาก ต่อมาก็เริ่มมีคนผลิตกันเพิ่มขึ้น ตนและเพื่อนจึงลองทำดื่มเองดูบ้าง โดยใช้อุปกรณ์ภายในบ้านที่สามารถนำมาดัดแปลงหรือประยุกต์ใช้ได้ เช่น หม้อก๋วยเตี๋ยวก็นำมาทำเป็นหม้อต้มเบียร์แทน หรือถังน้ำสแตนเลสที่ใช้หมักเบียร์ ตนก็ใช้ถังพลาสติกแทน เป็นต้น
หลังจากนั้นก็เริ่มทดลองทำกับเพื่อน โดยยังไม่ได้มีแนวคิดที่จะผลิตขายในช่วงนั้น เพียงแค่อยากรู้อยากลองว่าถ้าหากผลิตโดยสูตรของตัวเองนั้นจะได้เบียร์รูปแบบไหน โดยแบบแรกที่ทำนั้นรสชาติอาจจะยังไม่ดีเท่าที่ควร แต่ก็พัฒนาและปรับปรุงสูตรอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ “ผีบอก” นั้นมีที่มาจากการตั้งกลุ่มในเฟซบุ๊กและมีการพูดคุยกันเรื่องคราฟต์เบียร์ ซึ่งในบทสนทนานั้นจะมีคำว่า “เหมือนยาผีบอก เบียร์ผีบอกเลย” โดยเป็นการพูดแบบตลกขบขันกันในกลุ่มเพื่อน ซึ่งส่วนตัวของเจ้าของแบรนด์เมื่อได้ยินคำว่า “ผีบอก” ทำให้รู้สึกว่าเป็นคำที่โดนและมีหลายมิติในแง่ของการสื่อสารในชื่อดังกล่าวได้ จึงทำให้กลายเป็นชื่อของแบรนด์จนถึงปัจจุบัน
ปัจจุบัน “ผีบอก” เริ่มขายอย่างถูกกฎหมายได้ประมาณ 3-4 ปี ซึ่งจะมีทั้งหมด 2 รูปแบบ คือ แบบขวดที่วางขายหน้าร้านคราฟต์เบียร์ และแบบกระป๋องที่วางขายในห้างสรรพสินค้าอย่าง ท็อปส์ มาร์เก็ต วิลล่า มาร์เก็ต เป็นต้น นอกจากนี้คราฟต์เบียร์แบรนด์ ผีบอก นั้นเป็นคราฟ์เบียร์สไตล์อเมริกัน IPA โดยครั้งแรกที่ขายนั้น ผลิตประมาณ 1,000 ลิตร และสามารถขายหมดได้ในระยะเวลาไม่นาน ซึ่งผลิตในโรงงานของประเทศเวียดนาม ต่อมาก็ผลิตในโรงงานดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องและคงคอนเส็ปต์เอาไว้คือ คราฟต์เบียร์แบบขวดจะไม่ผลิตซ้ำ หมดแล้วหมดเลย และเน้นเบียร์ที่แอลกอฮอลล์สูง 8-9-10% ทุกตัว
ทั้งนี้ทางแบรนด์ได้ผลิตเบียร์กับทางโรงงานได้ประมาณ 2 ปี ก็เริ่มมีแบรนด์อื่นๆ ให้ความสนใจและเข้ามาผลิตในโรงงานเช่นเดียวกัน ต่อมาในประเทศไทยได้มีโรงงานที่ผลิตเบียร์แบบถูกกฎหมาย ซึ่งเดิมทีเป็นโรงงานที่ผลิต OEM ให้กับสินค้าที่มีแอลกอฮอล์ที่หลายคนเคยเห็นผ่านตาในร้านสะดวกซื้อต่างๆ ทำให้เจ้าของแบรนด์และเพื่อนของตนตัดสินใจลองผลิตเบียร์กับโรงงานในไทย บวกกับโรงงานที่เวียดนามนั้นต้องใช้เวลาค่อนข้างนานในการรอรอบการผลิตเพราะมีแบรนด์อื่นๆ มาใช้บริการเพิ่มขึ้น ทำให้ตัดสินใจร่วมงานกัน
สำหรับคราฟต์เบียร์แบบกระป๋องนั้น ยังคงเป็นเบียร์ที่คงคอนเส็ปต์สไตล์อเมริกัน IPA ที่ก่อนจะมาเป็นกระป๋องนั้น ในช่วงแรกทางแบรนด์เปิดบริษัท รับผลิตเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ แต่โดนพิษโควิดรอบแรกเล่นงาน ทำให้ลูกค้ายกเลิกการผลิตกับทางบริษัท เป็นสาเหตุให้ต้องหาช่องทางเพื่อที่จะมีรายได้มาทดแทนเงินทุนที่กู้ยืมมาเปิดบริษัท ประกอบกับการที่ทางแบรนด์มีสินค้าอยู่แล้วนั้น หวยจึงมาตกอยู่ที่คราฟต์เบียร์อีกเช่นเคย แต่เป็นรูปแบบกระป๋องสไตล์ Sawasdee IPA ซึ่งจะมีรสชาติที่ขมไม่มากแต่มีกลิ่นหอมคล้ายผลไม้ ปรับแอลกอฮอล์ลงมาให้เหลือที่ 5.8% และเป็นสูตรที่เจ้าของแบรนด์ดีไซน์ขึ้นมาเอง
จุดเด่นและความพิเศษของ ผีบอก นั้นจะพิเศษในส่วนของการนำเอาความเชื่อเรื่องผีมาสร้างสรรค์เป็นผลงานศิลปะลงบนสินค้า รวมถึงวิธีการสื่อสารที่ทางแบรนด์ต้องการสื่อสารให้ลูกค้าได้เข้าถึง ซึ่งคอนเส็ปต์ของผีบอกนั้นจริงๆ แล้วจะเน้นเรื่องการที่ไม่มีรู้ว่าใครเป็นคนผลิต ใครเป็นเจ้าของแบรนด์ โดยจะใช้คำว่า “พ่อหมอเป็นผู้ปลุกเสกขึ้นมา” แทนการมีตัวตนในแบรนด์นั่นเอง รวมถึงอาร์ตเวิร์กที่เป็นการ์ตูนผีไทย เพื่อให้เข้ากับคอนเส็ปต์และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้นและไม่โปรโมทสินค้าเพื่อให้ลูกค้ารอ แต่จะมาบอกในวันที่สินค้าพร้อมขาย ให้ความรู้สึกเหมือนผีบอกในฝัน
ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าหลักในตอนนี้จะเป็นกลุ่มลูกค้าคนไทยเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงลูกค้าที่เริ่มสนใจคราฟต์เบียร์มากขึ้นเนื่องจากมีราคาที่สามารถเข้าถึงและจับต้องได้ มีคุณภาพและปลอดภัย นอกจากนี้ ในส่วนของกำลังการผลิตในตอนนี้ยังคงใช้โรงงาน 2 ที่เป็นหลัก คือที่ประเทศเวียดนามผลิตครั้งละ 1,000 ลิตร และในประเทศไทยผลิตครั้งละ 5,000 ลิตร 7,000 กระป๋อง ใน 1 รอบอาจจะขายได้ประมาณ 1-2 เดือน และเริ่มผลิตใหม่ ซึ่งในอนาคตอาจจะผลิตในประเทศไทยเพียงโรงงานเดียว
นอกจากนี้ ตั้งแต่เปิดแบรนด์มาลูกค้าให้การตอบรับค่อนข้างดี เริ่มให้ความสนใจกันมากขึ้น ทั้งลูกค้าที่ชื่นชอบการดื่มและลูกค้าที่เริ่มเปิดใจคราฟต์เบียร์ไทยกันมากขึ้น ซึ่งคราฟต์เบียร์ผีบอกมีราคาอยู่ที่กระป๋องละ 179-189 บาท ซึ่งลูกค้ามีการซื้อซ้ำและเกิดกระแสบริโภคคราฟต์เบียร์ไทยกันมากขึ้นในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายในอนาคตทางแบรนด์วางแผนต่อยอดเรื่องการส่งออกไปยังต่างประเทศ รวมถึงในวงการคราฟต์เบียร์ไทยอาจจะมีคราฟ์เบียร์แบบถูกกฎหมายกันมากขึ้น ซึ่งอาจจะได้เห็นตามร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้อาจจะมีการแตกไลน์โปรดักส์อื่นที่อาจจะไม่ใช่เบียร์ อาจจะเป็นแฟชั่น หรืออาจจะคอลแลปกับศิลปิน นักร้องต่างๆ กันมากขึ้น รวมถึงอาจจะมีคอมมูนิตี้ที่ให้ความรู้เรื่องเบียร์กันมากขึ้นในอนาคตภายใต้ข้อกฎหมายของประเทศไทยอีกด้วย
ติดต่อเพื่มเติม
Facebook : Pheebok
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *