xs
xsm
sm
md
lg

กทพ.เร่งเครื่องทางด่วน 5 สาย-นำร่อง M- Flow แก้รถติดหน้าด่าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



กทพ.ครบรอบ 49 ปี เดินหน้าก่อสร้างทางด่วน 5 สาย "พระราม 3-ดาวคะนอง, N2, กะทู้-ป่าตอง" พร้อมเร่งนำร่องด่าน M- Flow เพิ่มความสะดวกผู้ใช้ทางด่วน

วันนี้ (26 พ.ย. 2564) กรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้จัดงานวันคล้ายวันก่อตั้งการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ครบรอบ 49 ปี (ซึ่งตรงกับวันที่ 27 พ.ย. 2564) โดยมี นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานกรรมการ (บอร์ด) กทพ. เป็นประธาน ณ หอประชุม 0101 ชั้น 1 อาคารศูนย์บริหารทางพิเศษ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย

​นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการ กทพ. เปิดเผยว่า กทพ.ได้มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ตามแผนงานและภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ที่มุ่งเน้นในการพัฒนาเครือข่ายระบบทางพิเศษให้เชื่อมโยงกันอย่างบูรณาการ ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน โดยปัจจุบัน กทพ.ได้เปิดให้บริการทางพิเศษรวม 8 สายทาง รวมระยะทาง 224.6 กิโลเมตร ประกอบด้วยทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษฉลองรัช ทางพิเศษบูรพาวิถี ทางพิเศษอุดรรัถยา ทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) และทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร 

และขณะนี้มีโครงการทางพิเศษที่อยู่ระหว่างการดำเนินการเร่งด่วน 3 โครงการ ประกอบด้วย 

​- โครงการก่อสร้างทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันตก เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างกรุงเทพมหานครกับพื้นที่ปริมณฑลทางด้านตะวันตก รวมถึงการเดินทางจากจังหวัด ภาคใต้ และช่วยลดปัญหาการจราจร ช่วงบางโคล่-สะพานพระราม 9-ดาวคะนอง และถนนพระรามที่ 2 โดยการก่อสร้างได้ดำเนินการไปแล้ว ในสัญญาที่ 2 และสัญญาที่ 4 โดยล่าสุดได้เดินหน้าก่อสร้างเต็มรูปแบบ ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ปลายปี 2567​

- โครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ระยะที่ 1 ตอน N2 ถนนประเสริฐมนูกิจ-ถนนวงแหวนรอบนอกฯ ด้านตะวันออก และระยะที่ 2 ส่วนทดแทนตอน N1  บางซื่อ-ถนนประเสริฐมนูกิจ เพื่อแบ่งเบาปัญหาจราจรติดขัดบนถนนประเสริฐมนูกิจและถนนประดิษฐ์มนูธรรม บริเวณทางแยกต่างระดับฉลองรัช และเชื่อมโยงโครงข่ายทางพิเศษให้เป็นโครงข่ายในแนวตะวันออก-ตะวันตกอย่างสมบูรณ์ โดยการดำเนินการอยู่ระหว่างจัดทำรายงานขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบกได้อนุมัติให้ กทพ.เดินหน้าก่อสร้างในส่วนของ N2 โดยไม่ต้องรอ N1 ตามขั้นตอนเดิม

นอกจากนี้ การทางพิเศษฯ ยังได้รับมอบหมายให้ดำเนินโครงการ 2 โครงการในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของภาคใต้ และถือเป็นทางพิเศษสายแรกที่ก่อสร้างเป็นอุโมงค์ในภูมิภาค คือ โครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กม. และโครงการทางพิเศษสายเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ ซึ่งเป็นส่วนที่เชื่อมต่อไปยังสนามบินภูเก็ตเพื่อรองรับการเดินทางและท่องเที่ยว ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำร่าง TOR จ้างที่ปรึกษา เพื่อศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อมโดยเร็วที่สุด

​และเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบัน กทพ.ได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยมาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการให้บริการแก่ผู้ใช้ทางพิเศษ เช่น การพัฒนาศูนย์ควบคุมระบบจราจรอัจฉริยะ (ITS Center) การพัฒนาระบบ e-Service เพื่อให้บริการเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้บริการทางพิเศษ และล่าสุดได้เปิดศูนย์บริหารการจราจรทางพิเศษ (Expressway Traffic Management Center) ซึ่งเป็นศูนย์สั่งการด้านการจราจรแบบ Single Command เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ในด้านการจัดเก็บค่าผ่านทาง ได้เพิ่มทางเลือกใหม่ด้วยการติดตั้งระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น Multi-lane Free Flow หรือ M-Flow ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม โดยร่วมกับกรมทางหลวงในการบูรณาการให้เป็นไปในรูปแบบและมาตรฐานเดียวกัน เพื่อแก้ไขปัญหารถติดหน้าด่านเก็บค่าผ่านทาง โดยมีการดำเนินงานเป็น 3 ระยะ คือ
- ระยะที่ 1 ติดตั้งระบบ M - Flow บนทางพิเศษฉลองรัช ที่ด่านจตุโชติ, ด่านสุขาภิบาล 5-1 และด่านสุขาภิบาล 5-2
- ระยะที่ 2 บนทางพิเศษฉลองรัชในด่านที่เหลือ ทางพิเศษบูรพาวิถี และทางพิเศษกาญจนาภิเษก รวม 60 ด่าน
- ระยะที่ 3 บนทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษอุดรรัถยา รวมทั้งโครงการต่างๆ ในอนาคต

“และเพื่อก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 การทางพิเศษแห่งประเทศไทยจะยังคงพัฒนาศักยภาพต่อไป เพื่อให้ทางพิเศษเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า ปลอดภัย ได้มาตรฐาน สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนไทยได้อย่างยั่งยืน” นายสุรเชษฐ์กล่าว






กำลังโหลดความคิดเห็น