xs
xsm
sm
md
lg

ยกระดับก๋วยเตี๋ยวต้มยำชามละ 50 บาท เสิร์ฟ “ไข่มังกร” ชามละ100 บาท ลูกค้าแน่นขาย 400-500 ชาม/วัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



“เตี๋ยวไข่แม่อีฟ” ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำแห่งเมืองแปดริ้ว ที่มีการกล่าวถึงกันมากบนโลกโซเชียลฯ โดยเฉพาะใน Tiktok เนื่องจากร้านนี้ เขาจัดไอเดียแบบไม่ธรรมดา มาเสิร์ฟให้ลูกค้าแบบเห็นแล้วต้องว้าว!!! ไม่ว่าจะเป็นไอเดีย ก๋วยเตี๋ยวไข่มังกรยักษ์ชามละ 777บาท ไข่มังกรธรรมดากินคนเดียว ชามละ 100 บาท ไข่ลาวาต้มยำน้ำแตก และที่ขายดีสุดๆ ก็ต้อง โครตเด้งกะละมัง และอีกหลายเมนูความแปลกที่ดึงดูดลูกค้าฯลฯ


จากร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ ถ้าไม่หยุดคิดสร้างเงินล้านได้

น.ส.มณฑิชา อุดมศรีวัฒนา (อีฟ) เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวไข่แม่อีฟ เล่าว่า ตนเองเปิดร้านขายก๋วยเตี่ยวต้มยำ อยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดมาได้ประมาณเกือบ 10 ปีแล้ว ปัจจุบันมีสาขาที่แปดริ้ว จังหวัดฉะเชิงเทรา อยู่ทั้งหมด 3 สาขา โดยเริ่มจากการเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวต้มยำไข่ออนเซ็นธรรมดาก่อน พอต่อมาได้พัฒนาต่อยอดหยิบไอเดียต่างๆ มา สร้างจุดขายให้กับร้านเตี๋ยวไข่แม่อีฟของเรา เพื่อให้ร้านเป็นที่รู้จักในวงกว้าง และเป็นจุดเช็คอินสำหรับคนที่เดินทางมาเที่ยวและไหว้พระหลวงพ่อโสธร ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา

หลังจากนั้น ได้ดัดแปลงจากเมนูก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำ มาลองทำเป็นเมนูทะเลชามยักษ์ เปลี่ยนจากหมูมาเป็นทะเล กุ้ง ปลาหมึก หอย ฯลฯ และที่สร้างความฮือฮา และทำยอดขายดีสุด คือ เมนู “โครตเด้งกะละมัง” เป็นการนำเอาหมูสับมาปั้นและทำออกมาเป็นชาม สร้างความฮือฮาให้กับคนที่ได้มากิน แต่เหนือสิ่งอื่นใดรสชาติก็ต้องออกมาดีด้วย ซึ่งเมนูโครตเด้งกะละมังร้านนี้เขามาครบทั้งไอเดียและรสชาติ ส่งให้ผลตอบรับออกมาดีเกินกว่าที่เจ้าของร้านคาดไว้ จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังเป็นเมนูยอดนิยมของทางร้านอยู่ ราคาขายโครตเด้งกะละมังอยู่ที่ชามละ 80 บาท



ครั้งแรกเมนูเตี๋ยวต้มยำไข่มังกร โด่งดังบนโลกโซเชียล

หลังจากออกเมนูโครตเด้งกะละมังไปได้สักระยะหนึ่ง ครั้งนี้ ลองนำหมูสับมาปั้น และยัดไส้เส้นบะหมี่ที่ลวกแล้วพร้อมเครื่องต่างๆ ลงไป ก่อนนำมาปั้นออกมาเป็นรูปไข่มังกร โดยเมนูนี้ลูกค้าจะเลือกเส้นไม่ได้เพราะทางร้านจัดให้เฉพาะเส้นบะหมี่เท่านั้น เพราะทางร้านได้ทดลองทำแล้วกับเส้นหลายๆแบบ และมาลงตัวที่บะหมี่ เส้นไม่เหนียวติดกัน และความอร่อยที่ลงตัว

ในส่วนของขั้นตอนการทำ เมนูไข่มังกร ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ “คุณอีฟ” บอกว่า ท้าทายเช่นกัน เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการปั้นหมู ขนาดใหญ่เท่าไข่มังกร และใส่เครื่องเข้าไปข้างใน ขั้นตอนนี้ใช้เวลาหลายนาที และความยากยังไม่จบ เพราะในขั้นตอนการนำไปต้ม ก็ต้องมีหม้อต้มที่แยกออกมาจากหม้อก๋วยเตี๋ยวที่เราใช้ เพราะขนาดของไข่มังกรที่ใหญ่เกินกว่า หม้อก๋วยเตี๋ยวธรรมดาใส่ได้ ทำให้เราต้องใช้หม้อไซต์พิเศษเพิ่มขึ้นมา วันนี้ ที่ร้านต้องใช้หม้อถึง 3 ใบ ระยะเวลาในการต้มเมนูไข่มังกรประมาณ 20 นาที และในทุกๆ เช้าพนักงานของเราจะต้องปั้นไข่มังกรเตรียมเอาไว้ก่อน เพราะถ้าจะมาปั้นกันหน้าเตาเลยรับรองลูกค้าไม่รอกินแน่ เพราะคงจะรอไม่ไหวนานเกิน


สำหรับเมนู “ไข่มังกร” ถือได้ว่าเป็นเมนูสร้างชื่อให้กับร้านเตี๋ยวไข่แม่อีฟ เช่นกัน หลังจากเปิดตัวเมนูไข่มังกร และมีลูกค้านำไปแชร์กันในโลกโซเชียลฯ ได้ผลตอบรับที่ดีเกินคาด ยอดขายในวันที่ขายได้มากที่สุด มากถึง 400-500 ชามในวันหยุดพิเศษ หรือ วันเสาร์ อาทิตย์ แต่ถ้าเป็นวันธรรมดา วันหนึ่งประมาณ 200 ชาม ด้วยความที่เป็นเมนูที่ต้องใช้หมูบดเยอะ ในการทำให้ออกมาเป็นเมนูไข่มังกร หรือ โครตเด้งกะละมัง ทำให้ในแต่ละวันทางร้านจะต้องสั่งหมูเด้ง หรือ หมูบดมาใช้มากถึง 200 กิโลกรัม

โดยเมนูไข่มังกรทางร้าน ได้ทำออกมา 2 ขนาด ชามละ 100 บาท สำหรับกินคนเดียว แต่ถ้ามากันหลายๆ ก็จะสั่งไข่มังกรยักษ์ น้ำหนัก 3 กิโลกรัม เสิร์ฟในจานขนาดใหญ่ กินกัน 5 คนขึ้นไป ขายในราคาชามละ 777 บาท ซึ่งเมนูไข่มังกรยักษ์ทางร้านจะทำวันละไม่เกิน 5 ชามเท่านั้น ส่วนเมนูอื่นๆ เช่น ไข่ลาวาต้มยำน้ำแตก เมนูนี้ ต่อเนื่องมาจากเมนูไข่มังกร โดยเมนูไข่ลาวาจะใส่น้ำต้มยำเข้าไปข้างในเลย เปรียบได้เหมือนเป็นเมนูต้มยำแห้ง ซึ่งการทำเมนูไข่ลาวาต้มยำน้ำแตกจะมีความยากกว่าไข่มังกร เพราะมีขั้นตอนการทำที่เยอะกว่าเมนูอื่น ทุกเมนูที่ทางร้านมีอยู่ในขณะนี้


พลังโซเชียลสร้างชื่อให้ร้าน พลังรสชาติรักษาลูกค้า

น.ส.มณฑิชา บอกว่า สำหรับในทุกเมนูพิเศษที่ทางร้านคิดและทำขึ้นมานั้น เป้าหมายหลักเพื่อสร้างจุดขายให้กับร้านได้เป็นที่รู้จัก และที่สำคัญเพื่อให้ลูกค้าได้มีตัวเลือกมากขึ้น จะได้ไม่ต้องสั่งอะไรแบบซ้ำเหมือนกันทุกครั้งที่มา เราเองได้ลองผิดลองถูกอยู่นานกว่าจะได้ออกมาลงตัว และพร้อมเสิร์ฟให้ลูกค้า ซึ่งต้องบอกว่าทุกเมนูมีความยากในขั้นตอนการทำ ทำให้ทุกวันนี้ ที่ร้านของเราต้องใช้พนักงานมากถึง 20-30 คน แต่ละวันต้องเตรียมของกันตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนจะเปิดร้านทุกๆ วัน

ในส่วนของลูกค้า นอกจากลูกค้าในพื้นที่ ทางร้านมีลูกค้าจากนอกพื้นที่ ซึ่งได้เห็นเราในโซเชียลฯ และเห็นผ่านรีวิวทางเพจต่างๆ ก็ตามมากินกัน บางคนมาจากทางภาคใต้ อย่างสุราษฎร์ธานี บางคนก็มาจากเชียงใหม่ ซึ่งในวันหยุดลูกค้าจะมาจากพื้นที่อื่นๆ ที่ไม่ใช่ลูกค้าประจำในพื้นที่ ความคาดหวังของลูกค้า คือ ต้องการมากินเมนูพิเศษที่เขาเห็นบนโลกออนไลน์ ดังนั้น เราจะเตรียมพร้อมเพื่อจะได้ให้ลูกค้าประทับใจ และไม่ต้องรอนาน แต่ถ้าถามยอดขายของเราจริงมาจากก๋วยเตี๋ยวต้มยำไข่ออนเซ็น ราคา 50 บาท ลูกค้าสั่งเยอะกว่าเมนูพิเศษ เพราะด้วยราคาและปริมาณ หลายคนก็เลยเลือกกินเมนูธรรมดามากกว่า

“กว่าจะมาถึงวันนี้ เราเองก็ต้องลองผิดลองถูก ทำเสียแล้วต้องเททิ้งก็เยอะ แต่ถ้าไม่ทำอะไรใหม่ๆ คงจะเรียกลูกค้าแค่รสชาติไม่ได้ ต้องมีอะไรใหม่เพื่อเอาไว้ต้อนรับลูกค้าที่เดินทางมาเที่ยวจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มีตัวเลือกที่ไม่สามารถหากินที่อื่นๆ ได้ อย่างไรก็ดี ในอนาคตอันใกล้นี้ เราก็มีแผนที่จะไปเปิดสาขาในกรุงเทพฯ ซึ่งจริงๆ ทางร้านต้องการจะไปเปิดสาขากรุงเทพฯ ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แต่ติดสถานการณ์โควิด ก็เลยชะลอมาจนถึงวันนี้ คาดว่าคนกรุงเทพฯ ก็จะได้กินในเร็วๆนี้”


“สู้เพื่อลูก” แม่เลี้ยงเดี่ยวเริ่มจากศูนย์ จนเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว 3 สาขา

มณฑิชา (อีฟ) เล่าว่า ชีวิตเธอได้มาเริ่มขายก๋วยเตี๋ยว เมื่อประมาณ 10 ปีก่อนหน้านี้ และที่ต้องมาขายก๋วยเตี๋ยวมาจากตัวเองมีลูก และตัดสินใจออกจากงานมาเลี้ยงดูแลลูก พอลูกเริ่มโตเริ่มมาขายหมูปิ้ง ตอนขายหมูปิ้ง ต้องบอกเลยว่าประสบความสำเร็จมากในตอนนั้น ขายแฟรนไชส์ไปได้กว่า 40-50 สาขา แต่มีเหตุทำให้ต้องเลิกกับสามีแยกทางกัน ตนเองก็เลยยกกิจการหมูปิ้งที่ทำร่วมกับสามีให้เขาไป และกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่

การเริ่มต้นใหม่ ครั้งนี้ “อีฟ” บอกว่า เธอเริ่มจากศูนย์ไม่มีเงินเลย แต่ได้คนใจดีให้หยิบยืมเงินมาลงทุนทำร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ที่เลือกทำก๋วยเตี่ยวต้มยำ ช่วงนั้นคิดว่าอยากทำก๋วยเตี๋ยวต้มยำไข่ออนเซ็น ก็เลยตัดสินใจทำเลย ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ชอบกินก๋วยเตี๋ยวต้มยำ แต่เราคิดว่ามันจะต้องขายได้ก็ทำเลย ซึ่งสูตรต่างๆก็คิดและลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง


"พอมาถึงวันนี้ ก็รู้สึกภูมิใจกับสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาด้วยตัวของเราเอง เป้าหมายแรกที่คิด คือ เราต้องหาเงินมาเลี้ยงลูกให้ได้ด้วยตัวเราเอง ซึ่งเมื่อผ่านมาหนึ่งปีหลังจากเปิดร้าน ทุกอย่างก็ดีขึ้นเงินที่ได้หยิบยืมมาทำร้าน ก็คืนได้หมดและก็มีเงินเลี้ยงลูก ดูแลครอบครัว แค่นี้ เราก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว ส่วนการขยายกิจการขยายสาขาตรงนี้เป็นผลพลอยได้ ที่เกิดจากความตั้งใจและทุ่มเทที่จะพัฒนาตัวเอง จนเรามีวันนี้ได้"

ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีคนสนใจ เข้ามาขอซื้อสูตร ขอซื้อแฟรนไชส์กันเป็นจำนวนมาก แต่เนื่องด้วยเรายังไม่พร้อมจะขายแฟรนไชส์ ขอเปิดและขยายสาขาด้วยตัวเองไปก่อน เพราะขั้นตอนในรายละเอียดการทำมันเยอะมากต่างจากหมูปิ้งมาก ซึ่งการขายแฟรนไชส์ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับร้านก๋วยเตี๋ยวของเราในเวลานี้

“ร้านก๋วยเตี๋ยวไข่แม่อีฟ” เมืองแปดริ้ว จากร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆที่เกิดจากพลังของความเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องการจะรุกขึ้นมาสู้เพื่อลูกในวันที่ต้องเลี้ยงลูกลำพัง วันนี้ เขาก็สามารถทำให้หลายคนได้เห็นว่า พลังความเป็นแม่ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อลูกได้เสมอ เพราะจากร้านเล็กๆกลายเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวที่มีถึง 3 สาขา และเตรียมขยายเพิ่มอีกหลายสาขา และยังเป็นอีกหนึ่งร้านที่หลายคนพูดถึง เมื่อต้องมาจังหวัดฉะเชิงเทรา

ติดต่อ FB:ก๋วยเตี๋ยวไข่แม่อีฟ เจ้าเดียวในแปดริ้ว

คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SMEsผู้จัดการ” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด
SMEs manager

กำลังโหลดความคิดเห็น