xs
xsm
sm
md
lg

IRPC ลั่นปี 65 โตต่อเนื่อง แย้มปิดดีล M&A 1 โครงการต้นปีหน้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ไออาร์พีซีมั่นใจปี 65 เติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้ารักษากำลังการกลั่นที่ 1.9 แสนบาร์เรล/วัน และคาด GIM อยู่ที่ 13-14 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ดีกว่าปีนี้เล็กน้อยแม้ว่ามาร์จิ้นปิโตรเคมีอ่อนตัวลง อัดงบลงทุน 2 หมื่นล้านบาทเพื่อใช้ลงทุนโครงการ UCF และเข้าซื้อกิจการ ลุ้นต้นปี 65 ปิดดีล M&A 1 โครงการ

นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจในปี 2565 ทั้งธุรกิจปิโตรเลียมและธุรกิจปิโตรเคมีคาดว่ายังเติบโตได้ดีจากความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยคาดว่าโรงกลั่น IRPC จะกลั่นใกล้เคียงปีนี้อยู่ที่ระดับ 1.85-1.90 แสนบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ปิโตรเคมีก็เดินเครื่องผลิตได้อย่างเต็มที่เนื่องจากยอดขายที่ปรับตัวดีขึ้น

ส่วนค่าการกลั่นรวม (GIM) ในปี 2565 ยังทรงตัวในระดับที่ดี โดยเฉพาะสเปรดปิโตรเลียมที่ยังอยู่ในระดับที่ดี แต่สเปรดของปิโตรเคมีจะไม่ดีเท่าปี 2564 แต่ก็คาดว่ากำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) ปี 2565 จะอยู่ที่ 13-14 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล สูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเฉลี่ยทั้งปี 2564 อยู่ที่ประมาณ 13 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

นายชวลิตกล่าวว่า ในปีหน้าบริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่ใช้ในโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและคุณภาพน้ำมันดีเซล ยูโร 5 (Ultra Clean Fuel Project หรือ UCF) ราว 6 พันล้านบาท, เงินลงทุนสำหรับธุรกิจใหม่ การเข้าซื้อกิจการ (M&A) หรือการร่วมลงทุน (JV) ประมาณ 8 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือใช้สำหรับการซ่อมบำรุงประจำปี

ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าในไตรมาส 1/2565 บริษัทจะปิดดีลเข้าซื้อกิจการได้ 1 โครงการหลังจากได้มีการเจรจาได้ข้อสรุปแล้ว ส่วนอีก 1 โครงการอยู่ระหว่างการเจรจา คงต้องใช้เวลา โดยทั้ง 2 ดีลเป็นโครงการในไทย

สำหรับงบลงทุน 5 ปีข้างหน้า บริษัทเตรียมงบลงทุน 5 ปี (2565-2569) อยู่ที่ 4.3 หมื่นล้านบาท และเตรียมสำรองไว้อีก 2 หมื่นล้านบาทเพื่อเข้าลงทุนในโครงการที่น่าสนใจในอนาคต

นายชวลิตกล่าวอีกว่า ในปี 2564 IRPC ได้ประกาศปรับวิสัยทัศน์สู่การเป็นองค์กร “สร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุและพลังงาน เพื่อชีวิตที่ลงตัว (To Shape Material and Energy Solutions in Harmony with Life)” ที่มากกว่าการเป็นผู้นำในธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นน้ำมัน สอดรับกับทิศทางของโลกในอนาคต เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคทุกรูปแบบ สร้างความยั่งยืนและเกิดประโยชน์แก่ประเทศ โดยตั้งเป้าหมายมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) มากกว่า 2 หมื่นล้านบาทในปี 2568 และเพิ่มเป็น 3 หมื่นล้านบาทในปี 2573
กำลังโหลดความคิดเห็น