ในบรรดาบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีหลายบริษัทที่ Spin-off นำบริษัทย่อยหรือบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนด้วย เพื่อเป็นการระดมทุนขยายธุรกิจ และทำให้มีการบริหารจัดการเรื่องต้นทุนได้คล่องตัวขึ้นทั้ง บริษัทแม่-ลูก แต่ที่สำคัญคือแตกเพื่อโต แต่หลายคู่ แตกแล้วอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ (ด้านราคา) ทั้งคู่
คู่ที่ 1. บริษัทแม่ STA (บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี) วันที่เทรด (22 ส.ค. 34) ราคา IPO 60.00บาท @พาร์ 10.00 บาท ต่อมาแตกพาร์อีก 2 ครั้ง ล่าสุดเหลือ 1.00 บาท (6 ก.ค.53) และถ้าเทียบกับปัจจุบัน 19 พ.ย.64 ปิดที่ 29.50 บาท เท่ากับถ้าใครซื้อที่ราคา IPO จนถึงวันนี้ได้กำไรแล้ว +391.67% ส่วนผลตอบแทนด้านราคา ปี 62 ทรุดหนัก -29.08% ต่อมาปี 63 โควิด-19 พารวยพุ่ง +165.00% ขณะที่ล่าสุด ปี64 YTD +11.32%
บริษัทลูก STGT (บมจ.ศรีตรังโกลฟส์) วันที่เทรด (2 ก.ค.63) ราคา IPO 34.00 บาท @พาร์ 1.00 บาท ต่อมาแตกพาร์ (5 ม.ค.64) เหลือ 0.50 บาท และถ้าเทียบกับปัจจุบัน 19 พ.ย.64 ปิดที่ 27.50 บาท เท่ากับถ้าใครซื้อที่ราคา IPO จนถึงวันนี้ได้กำไรแล้ว +61.76% ส่วนผลตอบแทนด้านราคา ปี 63 บวก +11.76% ขณะที่ล่าสุด ปี64 YTD -27.63%, สรุปปี 64 บริษัทแม่ยังบวก +11.32% แต่บริษัทลูกลบหนัก -27.63%
คู่ที่ 2.บริษัทแม่ PTTGC (บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล) วันที่เทรด (19 ต.ค. 54) เกิดจากการควบบริษัทระหว่าง บมจ.ปตท. เคมิคอล และ บมจ.ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น โดยเทรดวันแรกหุ้นเปิดตลาดที่ 56.00 บาท ขณะล่าสุด 19 พ.ย.64 ปิดที่ 60.75 บาท เพิ่ม 4.75 บาท หรือ +8.48% ส่วนผลตอบแทนด้านราคาปี62 ดิ่ง -20.00% ต่อมาปี 63 พลิกมาบวก +2.63% และปี 64 YTD +3.85%
บริษัทลูก GGC (บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล) วันที่เทรด (2 พ.ค.60) ราคา IPO 11.20 บาท @พาร์ 10.00 บาท ต่อมาเปลี่ยนแปลงพาร์เป็น 9.50 บาท (4 ก.ค. 62) และราคาล่าสุด 9 พ.ย.64 ปิดที่ 12.50 บาท ส่วนผลตอบแทนด้านราคาปี 62 +27.92% ต่อมาปี 63 พลิกลบ -25.40% และปี 64 YTD +32.98% ,สรุป ปี 64 บวกแพกคู่ บริษัทแม่ยังบวกเล็กน้อย +3.85% แต่บริษัทลูก GGC วิ่งฉิ่ว +32.98%
คู่ที่ 3.บริษัทแม่ TPIPL (บมจ.ทีพีไอ โพลีน) วันที่เทรด (20 พ.ย.33) ราคา IPO 300.00 บาท @พาร์ 10.00 บาท ต่อมาแตกพาร์เหลือ 1.00 บาท (21 ต.ค.57) ราคาล่าสุด 19 พ.ย.64 ปิดที่ 1.75 บาท ส่วนผลตอบแทนด้านราคา ปี 62 ร่วงหนัก -29.29% ต่อมาปี 63 รุ่ง +31.43% และปี 64 YTD -4.89%
บริษัทลูก TPIPP (บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์) วันที่เทรด (5 เม.ย.60) ราคา IPO 7.00 บาท @พาร์ 1.00 บาท เทียบล่าสุด ปิดที่ 4.24 บาท ลดลง 2.76 บาท หรือ -39.43% ส่วนผลตอบแทนด้านราคา ปี 62 ร่วงหนัก -22.12% ต่อมาปี 63 ยังลบ -2.73% และปี 64 YTD -0.93% สรุปปี 64 บริษัทแม่-บริษัทลูก ยังติดลบทั้งคู่
คู่ 4.บริษทแม่ BANPU (บมจ.บ้านปู) วันที่เทรด (16 มิ.ย.32) ราคา IPO 72.00บาท @พาร์ 10.00 บาท ต่อมาแตกพาร์เหลือ 1.00 บาท (26 ก.ย.56) ส่วนผลตอบแทนด้านราคา ปี 62 ร่วงหนัก -19.59% ต่อมาปี 63 กระเตื้องเล็กน้อย แต่ยังลบ -7.56% พอปี 64 YTD ขยับบวก +14.36%
บริษัทลูก BPP (บมจ.บ้านปู เพาเวอร์) วันที่เทรด (28 ต.ค.59) ราคา IPO 21.00 บาท @พาร์10.00 บาท ขณะล่าสุด 19 พ.ย.64 ปิดที่ 17.40 บาท ลดลง 3.60 บาท หรือ -17.14% ส่วนผลตอบแทนด้านราคาปี 62 ร่วงหนัก -20.63% ต่อมาปี 63 กระเตื้องเล็กน้อย แต่ยังลบ -14.69% พอปี 64 YTD ขยับบวก +15.23%, สรุป ปี 64 บริษัทแม่-บริษัทลูก บวกทั้งคู่
คู่ 5.บริษัทแม่ BCP (บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น) วันที่เทรด (2 ส.ค.37) ราคา IPO 31.00 บาท @พาร์ 10.00 บาท ต่อมาแตกพาร์เหลือ 1.00 บาท (21 พ.ย.46) ขณะราคาล่าสุด 26.00 บาท ราคาเพิ่มจากช่วง IPO +738.71% ส่วนผลตอบแทนด้านราคาปี 62 ร่วง -11.81% ต่อมาปี 63 ลบหนัก -26.43% พอปี 64 YTD ขยับบวก +26.21%
บริษัทลูก BCPG (บมจ.บีซีพีจี) วันที่เทรด (28 ก.ย.59) ราคา IPO 10.00 บาท @พาร์ 5.00 บาท ขณะล่าสุด 19 พ.ย.64 ปิดที่ 13.20 บาท เพิ่มขึ้น 3.20 บาท หรือ +32.00% ส่วนผลตอบแทนด้านราคาปี 62 บวก +6.58% ต่อมาปี 63 ลบ -11.14% พอปี 64 ลบอีก -7.04% , สรุป ปี 64 บริษัทแม่สดใส บริษัทลูกยังลบ
คู่ 6.บริษัทแม่ PTT (บมจ.ปตท.) วันที่เทรด (6 ธ.ค.44) ราคา IPO 35.00บาท @พาร์ 10.00 บาท ต่อมาแตกพาร์เหลือ 1.00 บาท (24 เม.ย.61) ขณะที่ราคาล่าสุด 37.75 บาท ราคาเพิ่มจากช่วง IPO +978.57% ส่วนผลตอบแทนด้านราคาปี 62 ลบ -4.35% ต่อมาปี 63 ลบ -3.41% พอปี 64 YTD ลบอีก -11.18%
บริษัทลูก SPRC (บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง) วันที่เทรด (8 ธ.ค.58) ราคา IPO 9.00 บาท @พาร์ 6.92 บาท ขณะล่าสุด 19 พ.ย.64 ปิดที่ 9.70 บาท เพิ่ม 0.70 บาท หรือ +7.78% ส่วนผลตอบแทนด้านราคาปี 62 บวก +11.46% ต่อมาปี 63 ลบ -24.77% พอปี 64 YTD บวก +20.50%, สรุปปี 64 บริษัทแม่ยังอ่วม แต่บริษัทลูกสดใส
คู่ที่ 7.บริษัทแม่ PTT (บมจ.ปตท.) วันที่เทรด (6 ธ.ค.44) ราคา IPO 35.00 บาท @พาร์ 10.00 บาท ต่อมาแตกพาร์เหลือ 1.00 บาท (24 เม.ย.61) ขณะราคาล่าสุด 37.75 บาท ราคาเพิ่มจากช่วง IPO +978.57% ส่วนผลตอบแทนด้านราคา ปี 62 ลบ -4.35% ต่อมาปี63 ลบ -3.41% พอปี 64 YTD ลบอีก -11.18%
บริษัทลูก GPSC (บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่) วันที่เทรด (18 พ.ค.58) ราคา IPO 27.00 บาท @พาร์10.00 บาท ขณะล่าสุด19 พ.ย.64 ปิดที่ 76.75 บาท เพิ่มขึ้น 49.75 บาท หรือ +184.26%ส่วนผลตอบแทนด้านราคา ปี 62 บวก +64.53% ต่อมาปี63 ลบ-13.99% พอปี 64 YTD +4.07%,สรุป ปี 64 บริษัทแม่ยังอ่วมแต่ บริษัทลูกบวกเล็กๆ
คู่ที่ 8.บริษัทแม่ SCC (บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย) วันที่เทรด (25 เม.ย.18) ราคา IPO N/A @พาร์ 10.00 บาท ต่อมาแตกพาร์เหลือ 1.00 บาท (24 เม.ย.46)ส่วนผลตอบแทนด้านราคาปี 62 ลบ -10.09% ต่อมาปี 63 ลบ -3.57% พอปี 64 YTD บวก +4.50%
บริษัทลูก SCGP (บมจ.เอสซีจีแพคเกจจิ้ง) วันที่เทรด (22 ต.ค.63) ราคา IPO 35.00 บาท @พาร์ 1.00 บาท ขณะล่าสุด 19 พ.ย.64 ปิดที่ 64.00 บาท เพิ่ม 29.00 บาท หรือ +82.86% ส่วนผลตอบแทนด้านราคาปี 63 บวก +18.57% พอปี 64 YTD บวก +54.22%, สรุป ปี 64 บริษัทแม่-บริษัทลูก บวกทั้งคู่
คู่ที่ 9.บริษัทแม่ PTT (บมจ.ปตท.) วันที่เทรด (6 ธ.ค.44) ราคา IPO 35.00 บาท @พาร์ 10.00 บาท ต่อมาแตกพาร์เหลือ 1.00 บาท (24 เม.ย.61) ขณะราคาล่าสุด 37.75 บาท ราคาเพิ่มจากช่วง IPO +978.57% ส่วนผลตอบแทนด้านราคาปี 62 ลบ -4.35% ต่อมาปี 63 ลบ -3.41% พอปี 64 YTD ลบอีก -11.18%
บริษัทลูก OR (ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก) บริษัทลูกของ PTT วันที่เทรด (11 ก.พ.64) ราคา IPO 18.00 บาท @พาร์ 1.00 บาท ขณะราคาล่าสุด 26.75 บาท ราคาเพิ่มจากช่วง IPO +48.61%, สรุป ปี 64 บริษัทแม่ ยังติดลบ ส่วนบริษัทลูกยังบวกอยู่มาก
คู่ที่ 10 บริษัทแม่ JMART (บมจ.เจ มาร์ท) วันที่เทรด (25 มิ.ย.52) ราคา IPO 1.80 บาท @พาร์ 1.00บาท ขณะราคาล่าสุด 49.00 บาท ราคาเพิ่มจากช่วงIPO 47.20 บาท หรือ +2,622.22% ส่วนผลตอบแทนด้านราคาปี 62 บวก +117.51% ต่อมาปี 63 บวกเพิ่ม +139.52% พอปี 64 YTD บวกอีก +145.00%
บริษัทลูก JMT (บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส) วันที่เทรด (27 พ.ย.55) ราคา IPO 4.00 บาท @พาร์ 1.00 บาท ต่อมาแตกพาร์เหลือ 0.50 บาท ขณะราคาล่าสุด 58.00 บาท ราคาเพิ่มจากช่วง IPO +2,900.00% ส่วนผลตอบแทนด้านราคา ปี 62 บวก +78.57% ต่อมาปี 63 บวกเพิ่ม +80.00% พอปี 64 YTD บวก +64.92%, สรุปปี 64 บริษัทแม่-บริษัทลูก บวกอื้อทั้งคู่
อย่างไรก็ตาม การ Spin-off ธุรกิจในเครือ ไม่ได้ประสบความสำเร็จทุกราย ฉะนั้นนักลงทุนต้องพิจารณาโครงสร้างธุรกิจให้ชัดเจนก่อนลงทุน