ซีอีโอไบแนนซ์เผยมีแผนบริจาคทรัพย์สินส่วนใหญ่ ยันแม้ไม่ถือโดชคอยน์ แต่เล็งเห็นถึงพลังในการกระจายศูนย์ของเหรียญมีมน้องหมาสกุลนี้ นอกจากนั้นเมื่อต้นสัปดาห์ แพลตฟอร์มให้บริการเทรดเงินดิจิตอลรายใหญ่ที่สุดของโลกแห่งนี้ยังเรียกร้องโครงสร้างกฎระเบียบทั่วโลกสำหรับตลาดคริปโต ประกาศพร้อมร่วมมือเพื่อช่วยให้ผู้คุมกฎมีความรู้ความเข้าใจในอุตสาหกรรมนี้มากขึ้น รวมทั้งความเป็นไปได้ของสกุลเงินดิจิตอล และยังถือโอกาสเปิดตัวแคมเปญโฆษณา “คริปโตคือปีศาจ” อธิบายสิทธิพื้นฐาน 10 ประการสำหรับผู้ใช้
ในบทสัมภาษณ์ที่สำนักข่าวเอพีเผยแพร่เมื่อวันพุธ (17) จ้าว ฉางเผิง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) ไบแนนซ์ เผยว่า โดยส่วนตัวแล้วเขาเป็นอิสระทางการเงินและไม่จำเป็นต้องมีเงินทองมากมายสำหรับไลฟ์สไตล์ที่เป็นอยู่ ดังนั้น เขาจึงมีแผนบริจาคทรัพย์สินส่วนใหญ่ อาจจะ 90, 95 หรือ 99% ให้การกุศลเช่นเดียวกับผู้ประกอบการอีกมากมาย
ซีอีโอแพลตฟอร์มเทรดคริปโตใหญ่ที่สุดของโลกแห่งนี้เสริมว่า เขาไม่ได้ลงทุนมากนัก เคยซื้อบิตคอยน์ไว้ตั้งแต่ปี 2014 และขณะนี้ก็ยังถืออยู่เป็นส่วนใหญ่ โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่ที่มีตอนนี้อยู่ในรูปเหรียญไบแนนซ์ และเขาไม่ได้ลงทุนในโปรเจ็กต์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นคริปโตหรือหลักทรัพย์ใดๆ เพราะไม่ต้องการให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน
ทั้งนี้ นิตยสารฟอร์บส์ประเมินว่า จ้าวมีทรัพย์สิน 1,900 ล้านดอลลาร์ แต่ตัวเลขจริงอาจสูงกว่านั้นเนื่องจากเขาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของไบแนนซ์ ขณะที่เมื่อไม่นานมานี้ หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า อดีตผู้บริหารหลายคนของไบแนนซ์เชื่อว่า บริษัทอาจมีมูลค่าถึง 300,000 ล้านดอลลาร์หากเข้าระดมทุนในตลาด
เมื่อถูกซักถามเกี่ยวกับเหรียญมีมน้องหมาที่เริ่มต้นจากไอเดียขำๆ แต่กลับกลายเป็นหนึ่งในคริปโตที่มาแรงแห่งยุค จ้าวตอบว่า เขาไม่ได้ถือโดชคอยน์ แต่มองว่า คริปโตสกุลนี้แสดงให้เห็นถึงพลังของการกระจายศูนย์ และคิดว่า ถ้าคนจำนวนมากในชุมชนเห็นค่าของเหรียญนี้เพราะน่ารักดี นั่นก็คือมูลค่าของเหรียญ
เขายังคิดว่า ปัจจัยสำคัญที่สุดเบื้องหลังการเติบโตของคริปโตคือ การใช้งานง่าย ไม่ใช่ความผันผวนที่คนชอบพูดกัน อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่า เมื่ออุตสาหกรรมนี้วิวัฒนาการต่อไป สถานการณ์ต่างๆ ก็จะดีขึ้น
นอกจากนั้นเมื่อวันอังคาร (16) ไบแนนซ์ยังเรียกร้องให้มีการกำหนดโครงสร้างกฎระเบียบทั่วโลกสำหรับตลาดคริปโต พร้อมเผยแพร่สิทธิพื้นฐาน 10 ประการสำหรับผู้ใช้สกุลเงินดิจิตอลผ่านโฆษณาในหนังสือพิมพ์ชั้นนำทั่วโลก อาทิ วอชิงตัน โพสต์, นิวยอร์ก ไทมส์ และไฟแนนเชียล ไทมส์
ฉางเผิงบอกว่า กฎระเบียบและนวัตกรรมไม่ใช่สิ่งที่แยกกันโดยเด็ดขาด และไบแนนซ์ต้องการทำทุกอย่างที่เป็นไปได้ในฐานะอุตสาหกรรมเพื่อร่วมมือกับหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลและผู้นำทั่วโลกในการกำหนดสิ่งที่จะกลายเป็นนโยบายการจัดระเบียบกฎเกณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ และที่สำคัญที่สุดคือปกป้องผู้ใช้และส่งเสริมนวัตกรรม
จ้าวสำทับว่า ไบแนนซ์รอที่จะได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดเพื่อช่วยให้ผู้คุมกฎมีความรู้ความเข้าใจในอุตสาหกรรมคริปโตมากขึ้น รวมทั้งความเป็นไปได้ของสกุลเงินดิจิตอล
ไบแนนซ์ยังอธิบายว่า สิทธิพื้นฐาน 10 ประการสำหรับผู้ใช้สกุลเงินดิจิตอลสามารถช่วยนำทางในการหารือที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งรวมถึงตลาดอื่นๆ ผู้สร้างนวัตกรรมบล็อกเชน ผู้วางนโยบาย และผู้นำโลก รวมทั้งยังนำทางการพัฒนาโครงสร้างระดับโลกสำหรับตลาดคริปโต
ผู้ให้บริการเทรดคริปโตแห่งนี้ตั้งข้อสังเกตว่า อนาคตของคริปโตต้องโฟกัสที่ผู้ใช้เป็นหลัก และสิทธิพื้นฐานของลูกค้าที่อธิบายในโฆษณาที่เปิดตัวทั่วโลกเมื่อวันอังคาร มีจุดประสงค์ในการทำให้มั่นใจว่า ผู้ใช้จะเข้าถึงเทคโนโลยีอุบัติใหม่ สภาพคล่อง และแพล็ตฟอร์มซื้อขายอย่างปลอดภัย เพื่อปกป้องผู้ใช้โดยที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตและนวัตกรรม ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายคริปโตที่คึกคักมากขึ้น นักลงทุนหน้าใหม่ไหลเข้าไม่หยุดหย่อน และความสุกงอมของอุตสาหกรรมคริปโต
เนื้อหาบางส่วนในโฆษณาระบุว่า “เมื่อเป็นเรื่องคริปโต อย่าปล่อยให้พาดหัวข่าวหลอกคุณ มีโลกที่มีอะไรมากกว่าบิตคอยน์และโดชคอยน์ เป็นโลกที่โอกาสทางการเงินเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่เฉพาะพวกที่มีสิทธิพิเศษแค่ไม่กี่คน เพราะคริปโตเป็นของทุกคน”
ไบแนนซ์ยังยอมรับว่า การยกระดับกฎระเบียบเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และย้ำว่า “กฎระเบียบที่ชาญฉลาด” จะเป็นประโยชน์เช่นเดียวกับเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์ เพราะตลาดคริปโตที่มีการควบคุมเข้มงวดขึ้นจะให้การปกป้องผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ หน่วยงานที่มีอำนาจควบคุมในหลายประเทศ อาทิ สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ แอฟริกาใต้ ฮ่องกง มาเลเซีย ไทย ลิทัวเนีย อิตาลี และสเปนเตือนเกี่ยวกับการดำเนินการโดยไม่ได้รับอนุญาตของไบแนนซ์ นอกจากนั้นผู้คุมกฎของอเมริกายังกำลังสอบสวนบริษัทแห่งนี้เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการปั่นราคาคริปโตและการซื้อขายโดยใช้ข้อมูลวงใน