xs
xsm
sm
md
lg

5 บิ๊กอสังหาฯ เร่งลงทุนปี 65 รับตลาด ‘เทิร์นอะราวนด์’ ทุ่มโปรเจกต์ใหม่ 1.3 แสนล้านบาท เน้นเรียลดีมานด์แนวราบ “ลูกค้าจีนยังไม่มา!”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



เข้าสู่โค้งส่งท้ายปี 2564 ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่างประเมินว่า ไตรมาส 4 ของปีนี้เริ่มมีสัญญาณที่บ่งชี้ให้เห็นถึงบรรยากาศที่ดีของแนวโน้มการเริ่มกลับมาฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยมีปัจจัยทั้งในเรื่องภาคการเงิน โดยธนาคารแห่งประเทศไทย ได้คลายมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ที่เพิ่มโอกาสให้ผู้กู้สามารถได้รับสินเชื่อเต็ม 100% ตามหลักประกัน เป็นมาตรการชั่วครววไปถึงสิ้นปี 2565 และการเดินหน้าเปิดประเทศของรัฐบาล รับนักท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นและส่งเสริมให้ภาคการท่องเที่ยว หนึ่งในเครื่องยนต์สำคัญต่อภาคเศรษฐกิจในสัดส่วนถึง 20% ได้ขับเคลื่อนภาพรวมประเทศให้ขยายตัวตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้

แต่ใช่ว่า “ภาพรวมจะดูดีไปทั้งหมด” เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังคงเปราะบาง ภาคธุรกิจได้รับความเสียหายจากการระบาดของโควิด-19 และผลกระทบจากการล็อกดาวน์เกือบ 2 ปี ส่งผลให้ธุรกิจหลายแห่งขาดรายได้ ต้องมีการลดเวลาทำงาน เลิกจ้าง กระทบและลุกลามไปถึงการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ “ถูกแรงอัด” จากการหดตัวของกำลังซื้ออย่างรุนแรง ขณะที่ “หนี้ครัวเรือนในประเทศไทยสูงถึงระดับ 90%” ทำให้ธนาคารต้องดำเนินนโยบายสกรีนคุณภาพของสินเชื่อให้เข้มงวด ป้องกัน NPL ไม่ให้มากระทบต่อฐานะของธนาคารได้!!

อย่างไรก็ตาม การเติบโตของธุรกิจอสังหาฯ และธุรกิจเกี่ยวเนื่องย่อมส่งผลดีต่อภาพรวมของประเทศ ซึ่งมีสัดส่วน 9.8% ของ GDP มีการจ้างงานรวมประมาณ 2.8 ล้านคน ดังนั้น รัฐบาลกำลังประเมินและศึกษาที่จะออกมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาฯ (มาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนองเหลือรายการ 0.01% จะสิ้นสุดภายในสิ้นปี 64)

ล่าสุด ผู้ประกอบการแบรนด์อสังหาฯ รายใหญ่เริ่มส่งสัญญาณในการเคลื่อนไหวการลงทุนในปี 2565 รองรับการรีบาวนด์ของตลาดอสังหาฯ หลังมีความเชื่อว่า ตลาดอสังหาฯ ได้พ้นจุดต่ำสุดมาแล้ว!!


5 แบรนด์อสังหาฯ เริ่มเทกออฟ ทุ่ม 1.3 แสนล้านปั๊มโครงการใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากปัจจัยบวกที่พอมีข้างต้น ผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้กล้าที่จะลงทุนอสังหาฯ ในปี 2565 อีกรอบ หลังจากมีการชะลอโครงการในปี 64 ไปบางส่วน เพื่อเร่งระบายสินค้าคงค้างออกไปให้มากที่สุด ดึงกระแสเงินสดกลับมาสู่ธุรกิจให้มากที่สุด

จากการรวบรวมของ “ผู้จัดการรายวัน360องศา” พบว่า บริษัทโนเนิลฯ บริษัท อนันดาฯ บริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคฯ บริษัทพฤกษา เรียลเอสเตทฯ ได้ประกาศเดินหน้าฝ่าโควิด-19 และเศรษฐกิจ โดยจะลงทุนเปิดโครงการใหม่และโครงการที่เลื่อนมาจากปี 64 มาทำตลาดใหม่รวมมูลค่า 124,400 ล้านบาท

แต่ในส่วนของบริษัท แอล.พี.เอ็น.ฯ นั้น แม้จะยังไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ แต่มีการประเมินว่า บริษัทได้เตรียมความพร้อมที่จะเข้ามาชิงตลาดอีกครั้ง โดยมีแผนเปิดโครงการแนวสูงและแนวราบที่มากกว่าปีที่ผ่านมา (ปี 2564 เป้าใหม่อยู่ที่ 6 โครงการ มูลค่ารวม 9,600 ล้านบาท) ดังนั้น หากรวมบริษัท แอล.พี.เอ็นฯเข้ามาเป็น 5 แบรนด์อสังหาฯ แล้ว จะเห็นการขยายโครงการการขายรวมมูลค่ากว่า 1.34 แสนล้านบาท


บอส PF เตือนให้ระวังหนี้ครัวเรือน กระทบกำลังซื้อไปอีก 2-3 ปี

นายศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า อสังหาฯ ปี 65 ทาวน์เฮาส์กับบ้านเดี่ยวยังมีการเติบโต แต่กลุ่มที่มีรายได้น้อยและปานกลางจะกระทบจากการถูกลดเงินเดือน กลุ่มนี้เติบโตช้าสุด ยังเจอเรื่อง LTV และหนี้ภาคครัวเรือนที่สูง จะเป็นสัญญาณอันตรายที่จะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคไปอย่างน้อย 2-3 ปี แต่ตลาดอสังหาฯ ระดับกลางและบน ราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไปจะเติบโต

ขณะที่กลุ่มคอนโดฯ คาดว่าจะต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากลูกค้าต่างชาติจะกลับมาซื้อโครงการคอนโดฯ น่าจะประมาณครึ่งหลังของปี 2565

“ปีนี้เราจะมีการขายแอสเสทโรงแรม และปีหน้าจะมีดีลอย่างนี้เหมือนกัน โดยเราต้องพยายามเร่งรายได้ให้ได้ และลดภาระหนี้ลง”

ในส่วนของแผนธุรกิจนั้น ปี 65 เปิดใหม่ 14 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 19,400 ล้านบาท


PS ปรับกลยุทธ์เจาะลูกค้าฮ่องกง-ไต้หวัน รอจีนครึ่งหลังปี 65

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีหน้าสินค้าเรียลดีมานด์ยังไปได้ดี กลุ่มทาวน์เฮาส์ คอนโดฯ ราคา 2 ถึง 5 ล้านบาท น่าสนใจ และหากกลุ่มนี้ธนาคารปล่อยได้ดีเหมือนไตรมาส 4 ปี 64 ก็จะทำให้ปี 65 ตลาดอสังหาฯ จะปรับตัวดีขึ้น

“การเปิดประเทศนั้นคาดว่ากำลังซื้อจากลูกค้าต่างชาติจะเริ่มกลับมาในครึ่งหลังปี 65 โดยเฉพาะลูกค้าชาวจีน ดังนั้น พฤกษา ได้ปรับกลยุทธ์ไปขยายตลาดลูกค้าฮ่องกง และไต้หวันมากขึ้น”

ในด้านแผนธุรกิจและการลงทุนนั้น ในปีหน้าเบื้องต้นจะเปิด 31 ถึง 35 โครงการ มูลค่ารวม 25,000 ถึง 30,000 ล้านบาท โดยจำนวนโครงการเปิดใหม่เพิ่มขึ้น 10% เน้นไปที่ตลาดโครงการบ้านเดี่ยวเป็นหลัก จับกลุ่มกำลังซื้อที่มีรายได้ประมาณ 40,000 บาท ไปจนไม่เกิน 2 แสนบาท ที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ส่วนสินค้าคอนโดฯ เน้นระดับราคา 2-5 ล้านบาท เบื้องต้น 6 โครงการ มูลค่าต่อโครงการ 1,000-1,500 ล้านบาท


อนันดาฯ พร้อมส่งแบรนด์ใหม่ เจาะเซกเมนต์ตลาด

นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN กล่าวว่า เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯ คาดว่าจะกลับมาขยายตัวในปี 65 และจากข้อมูลการศึกษาวิถีชีวิตคนเมืองพบว่า ในยุคหลังโควิด-19 การใช้ชีวิตในเมืองยังคงเป็นความจำเป็น มีความสำคัญสำหรับกลุ่มคนในวัยทำงาน กลุ่มคนที่กำลังศึกษาเล่าเรียน กลุ่มครอบครัว จากข้อมูลดังกล่าวบริษัทฯ ได้นำกลยุทธ์ ANANDA NEW BLUE มาต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ สร้างมูลค่าเพิ่มให้โครงการต่างๆ ในปีหน้า

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท อนันดาฯ กล่าวว่า ในปี 65 บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 28,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการเปิดตัวคอนโดมิเนียม 5 โครงการ และโครงการแนวราบ 2 โครงการ โดยในส่วนของคอนโดฯ มี 2 โครงการที่เป็นแบรนด์ใหม่ คือ

1.แบรนด์ โคโค่ พาร์ค มูลค่า 4,620 ล้านบาท จับมือระหว่าง ANANDA X DUSIT และ 2.แบรนด์ คัลเจอร์ ได้แก่ โครงการ คัลเจอร์ ทองหล่อ มูลค่า 3,380 ล้านบาท และโครงการ คัลเจอร์ จุฬา มูลค่า 6,030 ล้านบาท และจะเปิดตัว 2 โครงการคอนโด New Series แบรนด์ไอดีโอ รวมมูลค่า 9,600 ล้านบาท

ส่วนโครงการแนวราบที่จะเปิดตัวใหม่ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ อาร์เทล พระราม 9 มูลค่า 3,530 ล้านบาท และโครงการ NEW HOUSING BRAND ติวานนท์-แจ้งวัฒนะ แบรนด์โครงการทาวน์โฮมและบ้านแฝดในราคาเริ่ม 2 ล้านต้น เน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่กำลังเริ่มต้นชีวิตครอบครัว

อสังหาฯ ล็อกต้นทุน ขอมติออกหุ้นกู้เพิ่ม

สำหรับในเรื่องการบริหารต้นทุนนั้น ปี 65 ผู้ประกอบการอสังหาฯ ยังต้องมีการออกหุ้นกู้เพื่อรองรับหุ้นกู้ที่ครบกำหนด และการบริหารสภาพคล่อง โดยทางอนันดาฯ มีแผนออกหุ้นกู้วงเงิน 5,000 ล้านบาท ขณะที่บริษัท โนเบิลฯ เตรียมออกหุ้นกู้ วงเงิน 1,500 ล้านบาท


โนเบิลฯ บริหารรายได้ รุกแนวราบ-คอนโดฯ โลว์ไรส์

นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในปี 65 จะฟื้นตัวขึ้นจากปีนี้ หากไม่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ โดยปัจจัยบวกยังคงเป็นการคลี่คลายของโควิด-19 ภาครัฐมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ที่เป็นข้อจำกัดมากขึ้น รวมถึงการผ่อนคลาย LTV

โดยในปี 2565 NOBLE ได้เตรียมความพร้อมรับมือกับการฟื้นตัวของตลาด ด้วยการเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่รวมจำนวน 18 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 47,400 ล้านบาท (ส่วนหนึ่งเป็นโครงการที่เลื่อนเปิดมาจากปี 2564) ซึ่งบริษัทได้วางเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนโครงการแนวราบให้เกือบ 50% รวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise ในพอร์ตให้มากขึ้น เพื่อขยายพอร์ตให้มีสินค้ากระจาย และครอบคลุมในหลายทำเลมากขึ้น.
กำลังโหลดความคิดเห็น