สำนักงานตำรวจฮ่องกงเผยนักลงทุนชาวฮ่องกงรายหนึ่งถูกลักพาตัวไปอย่างอุกอาจ หลังจากที่เขาตกลงที่จะขาย crypto ระหว่างบุคคลหรือ P2P ด้วยตนเองบริเวณอ่าวเกาลูนในเกาะฮ่องกง แต่กลับถูกลักพาตัวไปและถูกซ้อมทรมานอย่างเหี้ยมโหด เพื่อให้เขาบอกรหัสกุญแจบัญชีซึ่งเป็นที่เก็บเหรียญคริปโต
จากการเปิดเผยของ South China Morning Post ระบุว่าชายชาวฮ่องกงวัย 39 ปี ซึ่งถูกลักพาตัวไปตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย. 2564 แต่กลับถูกเรียกค่าไถ่หลังจากที่เขาได้ตกลงที่จะพบกับผู้ซื้อเหรียญ Tether (USDT) ในอ่าวเกาลูนในฮ่องกง โดยชายคนนี้ได้ถูกล่อลวงให้เข้าไปในอาคารอุตสาหกรรม จนกระทั่งต่อมาเขากลับถูกทำร้ายร่างกายและถูกยึดสมาร์ทโฟนและรหัสผ่านสำหรับแพลตฟอร์มการซื้อขาย โดยเขาถูกกักขังไว้ที่อาคารในไทโป ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของฮ่องกงเป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งกลุ่มอาชญากรที่เป็นผู้จับกุมเขาได้เสนอเงื่อนไขเรียกร้องค่าไถ่ตัวเป็นเงินถึงกว่า 30 ล้านเหรียญฮ่องกงจากครอบครัวของเขา
จนกระทั่งต่อมาเมื่อเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ครอบครัวของเขาได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือก่อนที่จะสายเกินไป หลังจากนั้นไม่นานตำรวจได้มีการวางแผนการเข้าช่วยเหลือตัวประกัน โดยทางตำรวจได้บุกเข้าไปในที่พักซึ่งชายผู้เคราะห์ร้ายที่เป็นเหยื่อถูกควบคุมตัวไว้ และในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังเข้าใกล้สถานที่นั้น เขาก็สามารถหลบหนีออกมาทางหน้าต่างได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นำผู้เคราะห์ร้ายซึ่งตกเป็นเหยื่อนั้นส่งโรงพยาบาล ปรากฏว่าทางโรงพยาบาลได้ระบุว่าเหยื่อได้รับบาดเจ็บชขาหักและฟกช้ำร่างกายหลายจุดจากการถูกซ้อม และทรมานด้วยน้ำมือของผู้จับกุม และอาจต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน ขณะที่ทางตำรวจได้สืบสวนจากผู้บาดเจ็บและได้ออกหมายจับ เพื่อเข้าจับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวน 7 รายที่เกี่ยวข้องกับการลักพาตัว ซึ่งในรายงานระบุว่ายังมีผู้ต้องสงสัยบางส่วนที่หลบหนีไปได้ และตำรวจยังคงต้องตามล่าอีก ซึ่งทุกคนต่างตั้งข้อสงสัยว่ากลุ่มมาเฟียดังกล่าวนั้น อาจเป็นสมาชิกของกลุ่ม Sun Yee On triad
ขณะที่ Alan Chung จากหน่วยอาชญากรรมในภูมิภาคตะวันตกกล่าวว่า พวกเขากำลังสืบสวนว่าเหยื่อถูกปล้นหรือไม่หลังจากการมอบรหัสผ่านธนาคารและการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลของเขา โดยแหล่งข่าวบอกกับ South China Morning Post ว่าการถือครอง crypto ของเหยื่อมีมูลค่ามากกว่า 20 ล้านเหรียญฮ่องกง ทางการฮ่องกงได้เตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังและซื้อขายเฉพาะสกุลเงินดิจิทัลบนแพลตฟอร์มที่ถูกต้องเท่านั้น
ขณะเดียวกันทาง BeInCrypto รายงานเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันในเดือนมกราคม 2564 เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งเสียเงิน 3.5 ล้านเหรียญฮ่องกงในการทำธุรกรรมแบบ P2P โดยอาชญากรได้เกลี้ยกล่อมให้เธอเข้าไปในสำนักงานซึ่งเธอคาดหวังว่าจะแลกเปลี่ยน USDT เป็นดอลลาร์ฮ่องกง โดยหลังจากนั้น เมื่อกลุ่มอาชญากรดูว่าเธอทำการโอนเหรียญ USDT ผ่านสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้วและเธอกำลังรอรับเงินสดอยู่นั้น แก๊งค์มาเฟียก็สบโอกาสโดยที่มีผู้ชายอีกสามคนก็รีบเข้ามาในห้อง โดยพวกเขาได้ยึดเอาโทรศัพท์ของเธอและมัดเธอไว้กับเก้าอี้พร้อมทั้งบีบบังคับให้เธอบอกรหัสเพื่อปล้นเงินส่วนที่เหลือที่อยู่ในบัญชี
สถิติการปล้นเหยื่อนักลงทุนคริปโตในฮ่องกงตั้งแต่ต้นปีจนถึงปุจจุบัน
เมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2564 โจรขโมยเงิน 3 ล้านเหรียญฮ่องกงจากชายอายุประมาณ 30 ปี โดยหลังจากที่เขาโอนสกุลเงินดิจิทัลเรียบร้อยแล้ว กลุ่มอาชญากรได้ได้ไล่เขาออกจากรถ
ตามรายงานของ South China Morning Post เหยื่อรายหนึ่งสูญเสียเงิน 124 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงในปี 2564 ในขณะที่ยอดขาดทุนสะสมในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 อยู่ที่ 214.4 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง จากผู้บาดเจ็บที่รายงานเหตุการณ์กรณีเดียวกันที่เกิดขึ้น 496 ราย
ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับ HK$124M กลุ่มที่วางตัวเป็นที่ปรึกษาด้านสกุลเงินดิจิทัลได้หายตัวไปพร้อมกับเงินของชายวัย 30 ปี เพื่อแสดงให้เห็นว่าอาชญากรรมพุ่งสูงขึ้นในปี 2564 ได้อย่างไร เราเปรียบเทียบสถิติข้างต้นกับทั้งปี 2020 ได้ ซึ่งมีคดีทั้งหมด 208 คดี ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายกว่า 114.4 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง