xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์เผยปมตัดเงินผิดปกติ คนร้ายสุ่มข้อมูลบัตรทำธุรกรรมวงเงินต่ำไม่ต้องยืนยันตัวตน ยันคืนเงินลูกค้าใน 5 วัน พร้อมออกมาตรการล้อมคอก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ธปท.ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย ตรวจสอบเหตุตัดเงินลูกค้าผิดปกติ ไม่ใช่การรั่วไหลของระบบธนาคาร เบื้องต้น พบคนร้ายใช้ระบบสุ่มข้อมูลบัตรที่ทำธุรกรรมวงเงินต่ำ ซึ่งไม่ต้องยืนยันตัวตน  พบ 1-17 ต.ค.64 ใช้บัตรผิดปกติ 10,700 ใบ เป็นบัตรเครดิต 5,900 ใบ 100 ล้านบาท บัตรเดบิต 4,800 ใบ 31 ล้านบาท พร้อมรับผิดชอบ บัตรเดบิตจะได้รับเงินคืนภายใน 5 วัน ส่วนบัตรเครดิตจะไม่ตัดเงินและไม่คิดดอกเบี้ย วางมาตรการใหม่ ซื้อผ่านออนไลน์บาทเดียวก็ต้องยืนยันตัวตน

น.ส.สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ได้ชี้แจงกรณีการตัดเงินที่ผิดปกติผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตของลูกค้าจำนวนมาก เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า ธุรกรรมดังกล่าวมิได้เกิดจากการรั่วไหลของข้อมูลจากระบบธนาคาร โดยสาเหตุสำคัญเกิดจากการที่มิจฉาชีพสุ่มข้อมูลบัตรและนำไปสวมรอยทำธุรกรรมผ่านร้านค้าออนไลน์ต่างประเทศ ที่ไม่มีการใช้ One Time Password (OTP) โดยตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม มีบัตรที่มีการใช้งานผิดปกติจากเหตุข้างต้น จำนวน 10,700 ใบ โดยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นรายการใช้จากบัตรเดบิตเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการใช้งานส่วนใหญ่มีจำนวนเงินต่อรายการต่ำ เช่น 1 ดอลลาร์สหรัฐ และมีการใช้เป็นจำนวนหลายๆ ครั้ง ทั้งนี้ ธนาคารมีระบบตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติ โดยแต่ละธนาคารจะกำหนดเพดานและเงื่อนไขการใช้งานของบัตรตามลักษณะประเภทร้านค้าและประเภทสินค้าแตกต่างกันไป  

“ข้อมูลที่ได้ตรวจสอบพบว่า ยอดรวมข้อมูลตั้งแต่ 1-17 ตุลาคม 2564 จำนวนบัตรทั้งสิ้น 10,700 ใบ แบ่งเป็นบัตรเครดิตและบัตรเดบิตจำนวนใกล้เตียงกัน คือ 1.บัตรเครดิต 5,900 ใบ 100 ล้านบาท 2.บัตรเดบิต 4,800 ใบ 31 ล้านบาท” ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. กล่าว

โดยในช่วง 4 วันที่ผ่านมา จำนวนบัตรเดบิตเพิ่มขึ้นผิดปกติเมื่อเทียบกับการเพิ่มของบัตรเครดิต นอกจากนี้ ธปท. และสมาคมธนาคารไทย ได้ร่วมกันกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อป้องกันและแก้ปัญหา ดังนี้


1.ยกระดับความเข้มข้นในการตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติ ให้ครอบคลุมทั้งธุรกรรมที่มีจำนวนเงินต่ำและที่มีความถี่สูง หากพบธุรกรรมที่ผิดปกติ ธนาคารจะระงับการใช้บัตรทันทีและแจ้งลูกค้าในทุกช่องทาง รวมทั้งติดตามเฝ้าระวังรายการธุรกรรมจากต่างประเทศเป็นพิเศษ หากลูกค้าต้องการมาทำบัตรใหม่ ธนาคารจะยกเว้นค่าธรรมเนียม

2.เพิ่มการแจ้งเตือนลูกค้าในการทำธุรกรรมทุกรายการ ตั้งแต่รายการแรกผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ระบบ Mobile banking อีเมล หรือ SMS โดยมีการเคลื่อนไหววงเงินแม้เพียง 1 บาทก็ให้แจ้งยังลูกค้า ตามช่องทางดังกล่าว

3.กรณีที่ตรวจสอบพบว่าลูกค้าได้รับผลกระทบจากการทุจริตตามข้างต้น กรณีบัตรเดบิต ลูกค้าจะได้รับการคืนเงินภายใน 5 วันทำการ ส่วนกรณีบัตรเครดิตธนาคารจะยกเลิกรายการดังกล่าว ลูกค้าไม่ต้องชำระเงินตามยอดเรียกเก็บที่ผิดปกติ และจะไม่มีการคิดดอกเบี้ย

4.ธปท. และสมาคมธนาคารไทยจะเร่งหารือกับผู้ให้บริการเครือข่ายบัตร เช่น Visa Mastercard เพื่อกำหนดให้มีการใช้การยืนยันตัวตนเพิ่มเติม เช่น OTP กับบัตรเดบิตสำหรับร้านค้าออนไลน์

กรณีลูกค้าพบความผิดปกติของธุรกรรมด้วยตนเอง สามารถติดต่อคอลเซ็นเตอร์ หรือสาขาของธนาคารผู้ออกบัตร เพื่อแจ้งตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของธุรกรรมในทันที โดยธนาคารจะดูแลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด

สำหรับประชาชนทั่วไปควรตรวจสอบการทำธุรกรรมของตนเองอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งระมัดระวังการผูกบัตรเดบิตในการทำธุรกรรม โดยเฉพาะกับแพลตฟอร์มที่มีความเสี่ยง เช่น เกมออนไลน์ แพลตฟอร์มที่ไม่มีการยืนยันตัวตนก่อนเข้าใช้งาน หรือไม่มี OTP

ทั้งนี้ สำหรับบางธนาคารลูกค้ายังสามารถเปิด/ปิดการใช้งานของบัตร หรือเปลี่ยนแปลงวงเงินการใช้บัตร หรืออายัดบัตรได้ด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร นอกเหนือจากการติดต่อกับธนาคาร


ธปท. และสมาคมธนาคารไทย ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า โดยธนาคารมีระบบการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและมีการตรวจสอบการทำธุรกรรมที่ผิดปกติอย่างต่อเนื่อง ในระยะต่อไป ธปท. และสถาบันการเงินจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการยกระดับมาตรการและประสิทธิภาพการตรวจจับและตอบสนองต่อรายการผิดปกติ เพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากการเกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น