xs
xsm
sm
md
lg

COM7 ชี้กระแสตอบรับ iPhone13 ยอดจองสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หนุนแผนโต 20%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



COM7 ยิ้มรับปรากฏการณ์ iPhone 13 ฟีเวอร์ เผยยอดจองทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ คาดรายได้สิ้นปีโต 20% จากการเปิดตัวและวางจำหน่ายเร็วกว่ารุ่นที่ผ่านมา

นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 เปิดเผยว่า ในโอกาสเปิดตัว iPhone รุ่น 13 วันแรก ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 บรรยากาศผู้มาจับจองเป็นเจ้าของไอเท็มใหม่ครั้งนี้ยังคงคึกคัก มีลูกค้าให้ความสนใจตั้งแต่วันเปิดจองล่วงหน้าในวันที่ 1 ต.ค.2564 ที่ผ่านมา และสนับสนุนให้ยอดจอง iPhone 13 ของบริษัทฯ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง โดยรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงเปิดจอง คือ รุ่น iPhone 13 Pro Max 256GB สีเซียร์ร่าบลู ขณะที่วันเปิดจอง iPhone ในปีนี้เร็วกว่าปีที่ผ่านมา สนับสนุนการรับรู้รายได้สินค้ากลุ่มที่เป็นไฮไลท์ได้เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี มองว่า iPhone ยังคงครองสินค้ายอดนิยมที่มีแฟนคลับอย่างเหนียวแน่น จากการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิด-19 เป็นปัจจัยเร่งให้ผู้บริโภคใช้อุปกรณ์สื่อสารเพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลมากขึ้น ทั้งการทำธุรกรรมออนไลน์ การซื้อ-ขายสินค้า และการติดต่อผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ขณะที่ 5G กระตุ้นผู้บริโภคเปลี่ยนอุปกรณ์สื่อสารเพื่อรองรับระบบเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้า มือถือจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากในโลกยุคใหม่นี้


ทางด้านช่องทางการจำหน่าย ปัจจุบัน COM7 มีสาขาภายใต้การบริหารงานของกลุ่มบริษัท รวมทั้งหมด 958 สาขา แบ่งเป็น BaNANA 353 สาขา Studio7 109 สาขา KingKong Phone 85 สาขา True Shop by Com7 123 สาขา แฟรนไชส์ 109 สาขา BKK 43 สาขา iCare 30 สาขา และอื่นๆ 106 สาขา โดย COM7 จำหน่ายสินค้ากลุ่ม Apple และ iPhone ผ่านร้านค้าประมาณ 700 สาขา

นอกจากนี้ COM7 ร่วมกับทรูจัดแคมเปญส่งเสริมการขายกระตุ้นการตัดสินใจซื้อสินค้า ผ่านแคมเปญพิเศษ "ผ่อนไม่ง้อบัตร" โดยผ่อนผ่านแอปทรูมันนี่ วอลเล็ต สนับสนุนให้ผู้ที่ไม่มีบัตรเครดิตก็สามารถเข้าถึงสินค้าไอทีและสมาร์ทโฟนได้เพิ่มขึ้น รองรับฐานลูกค้าต่างจังหวัดก็สามารถเป็นเจ้าของ iPhone 13 ได้

สำหรับภาพรวมยอดขายในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ COM7 มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เพราะยังมีไฮไลต์สินค้ารุ่นใหม่ๆ จากแบรนด์ชั้นนำที่ COM7 จัดจำหน่ายทยอยเปิดตัวในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ซึ่งโดยปกติเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจ รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อผู้บริโภคของภาครัฐบาล เชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยเร่งการเติบโตของ COM7 ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยวางเป้าหมายรายได้ทั้งปีเติบโต 20% จากปีก่อนอยู่ที่ราว 37,352 ล้านบาท ขณะที่การขยายสาขายังคงตั้งเป้าสิ้นปีจะมี 1,000 สาขา

“ปีนี้นับเป็นปีที่แย่ที่สุดแต่ธุรกิจของเราโชคดีที่ยังมีกำไร คนไม่ได้ไปเที่ยว ก็หันมาซื้อโทรศัพท์มือถือ ในขณะที่ธุรกิจอื่นขายไม่ได้ แม้จะมีปัจจัยลบเรื่องซัปพลาย เชน คือ กำลังการผลิตจากโรงงานจีน เช่น ชิปเซ็ต สะดุด ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดก็ตาม แต่เรายังมีกำไร ดังนั้นปีหน้าหากเศรษฐกิจฟื้นตัวจะยิ่งส่งผลให้เราโตขึ้นอย่างแน่นอน” นายสุระ กล่าว

นายสุระ กล่าวต่อว่า ส่วนปีหน้ามีแผนจะขยายเพิ่มอีก 100 สาขา คาดว่าจะใช้งบประมาณในการลงทุน 300-400 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบลงทุนปกติในการขยายสาขา แต่ในจำนวน 100 สาขานี้บริษัทฯ จะเน้นการขยายเป็นสแตนด์อะโลนมากขึ้น และภายใน 2-3 ปี บริษัทฯ จะมีสาขาสแตนด์อะโลนครอบคลุมทุกจังหวัด เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากการปิดห้างสรรพสินค้า ในขณะที่การขายออนไลน์เอง แม้ว่าจะเติบโตแต่ยอดขายมาจากช่องทางออนไลน์เพียง 6% คาดว่าปีหน้าจะโตเป็น 10% ดังนั้น การขายสินค้าที่หน้าร้านจึงเป็นช่องทางขายหลักอยู่ในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้มากจากเดิมที่มีอยู่ 15 % ขณะที่แม้ว่ายอดขายมากกว่า 50% ของบริษัทฯ คือโทรศัพท์มือถือ แต่บริษัทฯ มีแผนในการขยายการขายไปยังสินค้าอื่นด้วย คือ เครื่องใช้ไฟฟ้า อย่างสมาร์ททีวี เครื่องชงกาแฟ โดยจับมือกับอินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์ ซึ่งจะเริ่มภายในเดือนหน้า เพื่อเป็นการขยายไลน์สินค้าและขยายไปสู่ช่องทางการขายใหม่ๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น