จีนกระอัก!!วิกฤตไฟฟ้าดับ ต่างชาติเล็งหนีซบเวียดนาม

นอกจากส่งผลต่อแนวโน้มการเติบโตในประเทศ ตลอดจนถึงห่วงโซ่อุปทานโลกแล้ว ล่าสุดวิกฤตพลังงานของจีนยังทำให้นักลงทุนต่างชาติกังวลและตัดสินใจระงับแผนการลงทุนในแดนมังกรเอาไว้ก่อน โดยมีข่าวว่า บริษัทบางแห่งเล็งย้ายมาลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวียดนาม

ภาพข่าวจากปักกิ่ง นิวส์เผยให้เห็นรถบนไฮเวย์ที่แน่นขนัดในเมืองเสิ่นหยางวิ่งท่ามกลางความมืดมิด โดยไม่มีทั้งไฟถนนและไฟสัญญาณจราจร

ประชาชนคนหนึ่งในมณฑลเหลียวหนิงบ่นว่า ไฟดับวันละ 8 รอบติดต่อกัน 4 วันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อีกคนบอกว่า ห้างปิดเร็วขึ้น ขณะที่ร้านสะดวกซื้อต้องจุดเทียนขายของ และโอดครวญว่า “อย่างกับอยู่เกาหลีเหนือ”

ที่มณฑลกวางตุ้ง รัฐบาลสั่งให้หน่วยงานรัฐตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศสูงขึ้น แม้อุณหภูมิขณะนี้สูงกว่า 34 องศาเซลเซียสก็ตาม

ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคทั่วโลกอาจเจอปัญหาสมาร์ทโฟนและสินค้าอื่นๆ ขาดแคลนก่อนช่วงคริสต์มาส เนื่องจากโรงงานมากมายในจีนต้องหยุดการผลิต

นักเศรษฐศาสตร์และกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมระบุว่า ผู้ผลิตจีนใช้โควตาพลังงานของปีนี้เร็วกว่าที่วางแผนไว้เนื่องจากการส่งออกฟื้นตัวหลังวิกฤตโควิด

การชะงักงันของอุตสาหกรรมการผลิตของจีนระหว่างหนึ่งในฤดูกาลที่ยุ่งเหยิงที่สุดยังสะท้อนว่า พรรคคอมมิวนิวสต์มีปัญหาในการรักษาสมดุลการเติบโตทางเศรษฐกิจกับความพยายามควบคุมมลพิษและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

นักเศรษฐศาสตร์ของโนมูระชี้ว่า การแก้ปัญหาด้วยการบังคับใช้ขีดจำกัดการใช้พลังงานแบบไม่เคยเป็นมาก่อนของจีนอาจส่งผลดีในระยะยาว แต่ต้องแลกด้วยต้นทุนเศรษฐกิจมหาศาลในระยะสั้น และผลกระทบนี้รุนแรงถึงขนาดที่บริษัทเห็นว่า ต้องปรับลดอัตราเติบโตของจีนในปีนี้ลงจากที่คาดไว้เดิม 8.2% อยู่ที่ 7.7%

เช่นเดียวกับโกลด์แมน แซคส์ที่หั่นตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวแดนมังกรจาก 8.2% เหลือ 7.8% สำหรับปีนี้ โดยให้เหตุผลว่า วิกฤตไฟฟ้าดับทำให้อุตสาหกรรมหนักต้องลดการผลิต

บลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์รายงานว่า มีอย่างน้อย 17 มณฑลและเขต ซึ่งเป็นที่มาของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) 66% ของจีน เผชิญปัญหาไฟฟ้าดับในรูปแบบต่างๆ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่อุตสาหกรรมการผลิตขนาดใหญ่

ทั้งนี้ เศรษฐกิจเกือบ 60% ของจีนต้องใช้พลังงานจากถ่านหินซึ่งมีปัญหาซัปพลายหยุดชะงักจากวิกฤตโรคระบาด ประกอบกับความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของรัฐบาลจีน และการจำกัดการนำเข้าจากออสเตรเลียที่กำลังมีประเด็นทั้งด้านการค้าและการเมืองกับปักกิ่ง

บริษัทมากมายประกาศว่า การปันส่วนพลังงานอาจทำให้ต้องเลื่อนการส่งมอบสินค้าซึ่งอาจส่งผลทางการเงินตามมา

ลาร์รี หู และซินหยู จี นักเศรษฐศาสตร์ของแมกควอรี กรุ๊ป ระบุว่า เศรษฐกิจจีนขณะนี้ขับเคลื่อนด้วยการส่งออกมากกว่าช่วงเวลาใดๆ ในทศวรรษที่ผ่านมา แต่เป้าหมายการใช้พลังงานของทางการกลับมองข้ามข้อเท็จจริงนี้

หลี่ ชัว ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายสภาพภูมิอากาศของกรีนพีซในปักกิ่ง สำทับว่า บริษัทสาธารณูปโภคจีนกำลังถูกกดดันจากราคาถ่านหินและน้ำมันที่พุ่งทะยาน ขณะที่รัฐบาลสั่งห้ามถ่ายโอนภาระต้นทุนไปให้ผู้บริโภค ทำให้บริษัทเหล่านี้ไม่กล้าเพิ่มกำลังผลิต

วิกฤตพลังงานยังบั่นทอนแนวโน้มการลงทุนจากต่างชาติ โจฮัน แอนเนลล์ หุ้นส่วนบริษัทที่ปรึกษา เอเชีย เพอร์สเปกทีฟ บอกว่า จากการพูดคุยกับลูกค้าราว 100 ราย พบว่า บริษัทหลายแห่งเลือกระงับแผนการลงทุนมูลค่านับสิบล้านดอลลาร์ในจีนไว้ก่อน ขณะที่บางแห่งเล็งย้ายมาลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวียดนาม

ผู้นำสมาคมธุรกิจอเมริกันและยุโรปขานรับว่า ปัญหาไฟฟ้าขาดแคลนในจีนกำลังส่งผลต่อการตัดสินใจในการลงทุนของบริษัทต่างชาติในแดนมังกร

แมตต์ มาร์กูลีส์ รองประธานฝ่ายปฏิบัติการในจีนของสภาธุรกิจอเมริกา-จีน แจงว่า บริษัทต่างชาติให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางการเมืองและความสามารถในการคาดเดาสถานการณ์ได้

วิกฤตพลังงานนี้ยังเกิดขึ้นขณะที่ผู้นำทั่วโลกเตรียมเข้าร่วมการประชุมเสมือนด้านสิ่งแวดล้อมของสหประชาชาติในวันที่ 12-13 ที่จะถึงซึ่งจีนเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่เมืองคุนหมิง และเพิ่มความกดดันต่อทางการปักกิ่งในการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนั้นพรรคคอมมิวนิสต์จีนยังกำลังเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาวต้นปีหน้าที่ปักกิ่ง ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นจีนหวังว่า ท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงจะสดใสไร้หมอกควันพิษ