ในที่สุดกลุ่มเซ็นทรัล ก็ได้บุกตลาดสินค้าเบ็ดเตล็ดอย่างจริงจัง ด้วยการส่งร้านที่ชื่อว่า "โก! ว้าว" (go! Wow) ซึ่งบริหารงานโดย บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ธุรกิจสินค้าเฉพาะกลุ่ม หรือฮาร์ดไลน์ (Hardline) ของ เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) เจ้าของเดียวกับศูนย์รวมสินค้าบ้านอย่างห้างไทวัสดุ และบ้านแอนด์บียอนด์ (Baan & Beyond)
รูปแบบของร้านโก! ว้าว จะจำหน่ายสินค้าของใช้ ทั้งเครื่องครัว เครื่องเขียน ของเล่น ทำความสะอาด ทำสวน ประดับยนต์ ไฟฟ้า ไอที กว่า 14,000 ชิ้น ในราคาเริ่มต้น 5 บาท ช่วงเปิดตัวมีโปรโมชันสำหรับผู้ใช้แอปพลิเคชัน The 1 ในเมนู “The 1 มิชชั่น” ซื้อสินค้า 1 ครั้ง รับคะแนนเดอะวัน 50 คะแนน ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน ถึง 31 ตุลาคม 2564
ประเดิมสาขาแรกที่เซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ จ.นนทบุรี เมื่อต้นเดือนกันยายน 2564 ที่ผ่านมา ตามมาด้วยบ้านแอนด์บียอนด์ ราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี, บ้านแอนด์บียอนด์ ขอนแก่น ล่าสุดเปิดสาขาโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2564, โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ลาดกระบัง กับโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ บ่อวิน จ.ชลบุรี เปิดพร้อมกันวันที่ 28 กันยายน 2564
เร็วๆ นี้จะเปิดสาขาอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง จ.สมุทรปราการ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 นอกจากนี้มีแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มเติมที่เซ็นทรัลพลาซา บางนา, โรบินสันแฟซิฟิคพาร์ค ศรีราชา รวมทั้งศูนย์การค้าแห่งใหม่ของเซ็นทรัลพัฒนาอย่าง เซ็นทรัลศรีราชา จ.ชลบุรี ที่มีกำหนดเปิดให้บริการในวันที่ 27 ตุลาคม 2564 ซึ่งจะทำให้ภายใน 2 เดือน โก! ว้าวจะมีสาขารวม 10 แห่ง
การที่กลุ่มเซ็นทรัลตั้งไฟท์ติงแบรนด์ภายใต้ชื่อ โก! ว้าว โดยใช้ซีอาร์ซี ไทวัสดุ ที่มีประสบการณ์ด้านห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าเกี่ยวกับบ้านนานกว่า 10 ปี มาเป็นหัวหอกครั้งนี้ คาดว่าเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดร้านสินค้าเบ็ดเตล็ด ที่ขับเคี่ยวกันเป็นเจ้าตลาดระหว่างร้านมิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. (MR. DIY) สัญชาติมาเลเซีย กับร้านไดโซะ (DAISO) จากประเทศญี่ปุ่น
โดย ร้านไดโซะ เป็นการร่วมทุนระหว่าง ไดโซ ซังเกียว กับ ไอซีซี อินเตอร์เนชั่นแนล (เครือสหพัฒน์) เปิดสาขาแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2546 ที่สยามสแควร์ ซอย 3 (ปัจจุบันย้ายสาขาไปยังสยามสแควร์วัน ชั้น 2) โดยมีจุดขายหลักคือ สินค้าวาไรตี้นำเข้าจากญี่ปุ่นกว่า 50,000 รายการ ในราคาเริ่มต้นที่ 60 บาท ปัจจุบันมีสาขาในไทยประมาณ 100 สาขาทั่วประเทศ
แต่ที่เติมโตแบบก้าวกระโดดก็คือ มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. ร้านค้าปลีกสินค้าเบ็ดเตล็ดสัญชาติมาเลเซีย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2548 แต่บุกตลาดประเทศไทยในปี 2559 ประเดิมสาขาแรกที่ซีคอนบางแค กรุงเทพฯ กระทั่งเปิดสาขาใหม่แบบก้าวกระโดด ทั้งในรูปแบบสแตนด์อะโลน และสาขาในห้างภูธร ห้างค้าปลีกข้ามชาติ ปัจจุบันมีจำนวนสาขามากกว่า 374 สาขาทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม ร้านสินค้าเบ็ดเตล็ดยังแยกย่อยออกเป็นร้านสินค้าไลฟ์สไตล์ โดยพบว่าในปี 2559 เป็นยุคทองของร้านสินค้าไลฟ์สไตล์เข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทยอย่างคึกคัก เช่น ร้านมินิโซ (MINISO) เปิดสาขาแรกที่ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ปัจจุบันมี 72 สาขา, ร้านโมชิโมชิ (MOSHI MOSHI) เปิดสาขาแรกที่แพลทินัม แฟชั่นมอลล์ ปัจจุบันมี 93 สาขา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กลุ่มเซ็นทรัลทำตลาดกับสินค้าเบ็ดเตล็ด และสินค้าไลฟ์สไตล์ ก่อนหน้านี้ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด หรือห้างเซ็นทรัล (CDS) ได้รับแฟรนไชส์สินค้าไลฟ์สไตล์จากอังกฤษ มาร์คแอนด์สเปนเซอร์ (Marks & Spencer) มาตั้งแต่ปี 2538 หรือการซื้อแฟรนไชส์ ร้านมูจิ (MUJI) สินค้าไลฟ์สไตล์จากญี่ปุ่น เปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัลชิดลม เมื่อปี 2549 ก่อนที่ปัจจุบันจะเปลี่ยนมาเป็นรูปแบบร่วมลงทุนระหว่างเซ็นทรัล รีเทล (CRC) กับเรียวฮิน เคอิคะคุ ในปี 2556 ปัจจุบันมี 22 สาขา
ส่วน ร้านโคโมโนยะ (KOMONOYA) ซึ่งรู้จักกันในนามร้าน 100 เยน เปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัลลาดพร้าว เมื่อปี 2552 ภายหลังกลุ่มเซ็นทรัล นำโดย เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) เข้าซื้อหุ้นจากบริษัท วัตตส์ ประเทศญี่ปุ่น ในสัดส่วน 51% กระทั่งมีการเปิด ร้านวัตตส์ (WATTS) ต้นแบบจากญี่ปุ่นในประเทศไทย ปัจจุบันมีร้านโคโมโนยะ 37 สาขา และร้านวัตตส์ 9 สาขา
ก่อนหน้านี้ห้างเซ็นทรัลเปิดแผนก ซีนโซน (ZEENZONE) แหล่งรวมของขวัญไอเดียต่างๆ แต่จากกระแสความนิยมร้านสินค้าไลฟ์สไตล์ราคาย่อมเยา ทำให้ห้างเซ็นทรัลปรับตัวด้วยการเปิดร้านสินค้าไลฟ์สไตล์ที่ชื่อว่า มินิโมโนะ (MINI MONO) ในราคาเริ่มต้นที่ 60 บาท ประเดิมสาขาแรกที่สีลมคอมเพล็กซ์ ปัจจุบันมีอยู่ 18 สาขา และลดแผนกซีนโซนเหลือ 5 สาขา
ส่วน ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน (RBS) ได้ปั้นแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ใช้ชื่อว่า จัสท์ บาย (JUST BUY) มาหลายปีแล้ว และได้รีแบรนด์ให้เป็นร้านไลฟ์สไตล์ราคาเดียว เริ่มต้นที่ 60 บาท อาศัยจุดแข็งด้วยทำเลในโรบินสันที่มีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งการขยายสาขาในรูปแบบชอปแบบสแตนด์อะโลนนอกห้างฯ ในไฮเปอร์มาร์เก็ตที่สาขาบางใหญ่ จ.นนทบุรี
เมื่อเปรียบเทียบรายได้ของธุรกิจสินค้าเบ็ดเตล็ตแต่ละบริษัท ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า
- ร้านโมชิ โมชิ (MOSHI MOSHI) บริษัท โมชิ โมชิ เจแปน จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2543 ทุนจดทะเบียน 225 ล้านบาท ปีงบการเงิน 2563 มีรายได้รวม 1,368,391,685.00 บาท กำไรสุทธิ 101,128,114.00 บาท
- ร้านไดโซะ (DAISO) บริษัท ไดโซ ซังเกียว (ประเทศไทย) จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2546 ทุนจดทะเบียน 280 ล้านบาท ปีงบการเงิน 2563 มีรายได้รวม 797,593,823.00 บาท ขาดทุนสุทธิ 119,950,359.00 บาท
- ร้านมินิโซ (MINISO) มี 2 บริษัทที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บริษัท ซิงไท่ เทรดดิ้ง จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2547 ทุนจดทะเบียน 108 ล้านบาท ปีงบการเงิน 2563 มีรายได้รวม 709,847,017.09 บาท กำไรสุทธิ 16,198,032.42 บาท
อีกบริษัทหนึ่ง คือ บริษัท มินิโซ (ไทยแลนด์) จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2549 ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ปีงบการเงิน 2563 มีรายได้รวม 18,108,297.86 บาท กำไรสุทธิ 4,198,027.60 บาท
- ร้านโคโมโนยะ (KOMONOYA) และร้านวัตตส์ (WATTS) บริษัท ไทย วัตตส์ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2552 ทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท ปีงบการเงิน 2563 มีรายได้รวม 335,120,781.00 บาท ขาดทุนสุทธิ 41,635,878.00 บาท
- ร้านมูจิ (MUJI) บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2555 ทุนจดทะเบียน 520 ล้านบาท ปีงบการเงิน 2563 มีรายได้รวม 638,701,317.00 บาท กำไรสุทธิ 23,283,897.00 บาท
- ร้านมิสเตอร์ดีไอวาย (MR. DIY) มี 2 บริษัทที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2558 ทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท ปีงบการเงิน 2563 มีรายได้รวม 3,411,379,335.00 บาท กำไรสุทธิ 58,271,696.00 บาท
อีกบริษัทหนึ่ง คือ บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. (กรุงเทพ) จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2558 ทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท ปีงบการเงิน 2563 มีรายได้รวม 4,937,405,713.00 บาท กำไรสุทธิ 708,298,759.00 บาท
- ร้านมูมูโซ (MUMUSO) บริษัท มูมูโซ (ประเทศไทย) จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2560 ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท (ไม่ได้ส่งงบการเงินปี 2562 และ 2563)
- ร้านแบร์สโตร์ (BEAR STORE) บริษัท แบร์สโตร์ เจแปน จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2560 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ปีงบการเงิน 2563 มีรายได้รวม 6,932,870.88 บาท ขาดทุนสุทธิ 5,817,298.31 บาท
อย่างไรก็ตาม ร้านมินิโมโนะ (MINI MONO) จัดจำหน่ายสินค้าและบริการ โดย บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด หรือ CDS ส่วนร้านโก! ว้าว (go! wow) จัดจำหน่ายสินค้าและบริการ โดย บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด หรือ TWD ทั้งสองบริษัทอยู่ในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกของบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กลุ่มเซ็นทรัล
ธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าเบ็ดเตล็ด มีกลยุทธ์ในการบริหารจัดการที่สำคัญก็คือ การสั่งผลิตสินค้าจากแหล่งผลิตทั้งในและต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน ในปริมาณที่สูง เพื่อให้ได้ต้นทุนการผลิตสินค้าในราคาต่อหน่วยที่ถูกลง พร้อมกับเร่งขยายสาขาเพื่อกระจายสินค้าให้ถึงมือลูกค้าโดยเร็วที่สุด และให้เป็นที่จดจำแก่ลูกค้าว่า เมื่อมาที่ร้านนี้จะต้องได้สินค้าในราคาที่ถูกที่สุด
แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจและผลกระทบจากโควิด-19 จะทำให้ผลประกอบการแต่ละบริษัทมีกำไรลดลง หรือขาดทุนสุทธิก็ตาม แต่ก็แสดงให้เห็นว่าในธุรกิจนี้มีผู้เล่นไม่น้อยไปกว่ากัน โดยที่ร้านโก! ว้าว เจาะกลุ่มสินค้าราคาประหยัด ซึ่งยังเป็นช่องว่างทางธุรกิจ เมื่อเทียบกับกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ ที่มีทั้งมาร์คแอนด์สเปนเซอร์ มูจิ โคโมโนยะ วัตตส์ มินิโมโนะ และจัสท์บาย
ด้วยเครือข่ายศูนย์การค้ากลุ่มเซ็นทรัล ทั้งเซ็นทรัลพลาซา 34 แห่ง โรบินสันไลฟ์สไตล์ 23 แห่ง ท็อปส์พลาซา และพื้นที่ค้าปลีกทั่วประเทศ การขยายสาขาของร้านโก! ว้าว เพิ่มขึ้นได้ไม่ยาก และอาจจะได้เห็นค้าปลีกสัญชาติไทย นำไฟท์ติงแบรนด์นี้ขับเคี่ยวกับค้าปลีกข้ามชาติ สินค้าเบ็ดเตล็ดราคาประหยัดอย่างมิสเตอร์ ดีไอวาย ซึ่งมีสาขามากที่สุดในไทยในอนาคตอันใกล้
(เกาะกระแสธุรกิจ เศรษฐกิจสดใหม่ เรื่องราวการตลาดที่ใกล้ชิดผู้บริโภค กับ Ibusiness Review ที่นี่ที่เดียว! ทางเฟซบุ๊ก Ibusiness และเว็บไซต์ ibusiness.co)