xs
xsm
sm
md
lg

“จุรินทร์” ยันส่งออกช่วยปั๊มเศรษฐกิจ จับมือเอกชนลุยเพิ่มยอดปีนี้ต่อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



“จุรินทร์” โชว์ส่งออกความหวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยหลังท่องเที่ยวยังชะงัก เผย 7 เดือนโตกว่าเป้าแล้ว 4 เท่า คาดทั้งปียังเป็นบวก เตรียมจับมือเอกชนลุยต่อ ทั้งแก้ปัญหาอุปสรรค เพิ่มยอดส่งออก แนะจับตาการกีดกันการค้า กติกาการค้าใหม่ และจีนขอเข้า CPTPP

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ความหวังส่งออกไทยในมรสุมโควิด” ว่า ไทยไม่ได้พึ่งพาเศรษฐกิจขาเดียวในการนำรายได้เข้าประเทศ แต่อย่างน้อยที่สุด 2 ขา คือ การท่องเที่ยว และการส่งออก เมื่อขาหนึ่งมีปัญหา เศรษฐกิจไทยก็ยังเดินหน้าต่อไปได้ เมื่อไรอีกขาหนึ่งซ่อมเสร็จ สถานการณ์เอื้ออำนวยจะยิ่งไปโลด โดยก่อนโควิด-19 ท่องเที่ยวทำรายได้เข้าประเทศ 11.33% ของจีดีพี การส่งออกประมาณ 45% รวมเป็น 66% ที่ขับเคลื่อนประเทศ แต่ปัจจุบันท่องเที่ยวเหลือแค่ 1.87% ส่งออกแทนที่จะแย่ไปด้วย แต่เป็น 50.83% ส่งออกบวกท่องเที่ยวกลายเป็น 52% ยังไม่ถึงกับเลวร้าย เป็นตัวเลขที่อยากให้เห็นภาพ ดังนั้น การส่งออกยังคงเป็นความหวังในการฟื้นเศรษฐกิจได้

ทั้งนี้ การส่งออกปี 2564 มีการเติบโตชัดเจน เป็นบวกตั้งแต่ มี.ค. ที่ 7% เม.ย. บวก 11% พ.ค. บวก 41% และ มิ.ย. บวก 43% เป็นนิวไฮใหม่ เดือน ก.ค. บวก 20% คาดว่า ส.ค.จะบวกน้อยกว่านี้เพราะผลกระทบโควิด-19 และล็อกดาวน์กระทบภาคการผลิต โรงงานบางแห่งปิดตัว หรือปิดการผลิตบางส่วน การขนส่งโลจิสติกส์ข้ามจังหวัดข้ามประเทศมีความเข้มงวด แต่เชื่อว่ายังเป็นบวกอยู่ ส่วนภาพรวม 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.) เพิ่ม 16.2% โต 4 เท่าของเป้าที่กำหนดไว้ที่ 4% และทั้งปีก็จะยังเป็นบวก

สำหรับปัจจัยสนับสนุนการส่งออก ได้ใช้การขับเคลื่อนโดยรัฐหนุน เอกชนนำ เอกชนเป็นพระเอกเป็นกองหน้ายิงประตู รัฐเป็นกองหลังคอยสนับสนุน และยังได้แก้ไขปัญหาส่งออกและขับเคลื่อนการส่งออกผ่านเวที กรอ.พาณิชย์ ซึ่งที่ผ่านมาได้แก้ปัญหาเชิงรุกชัดเจน เช่น การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ การเปิดให้เรือใหญ่ขนาด 300-400 เมตรเข้ามาเทียบท่า การแก้ไขปัญหาส่งออกรถยนต์ไปเวียดนาม การแก้ปัญหาค่าระวางเรือแพง หรือที่จะทำต่อ เช่น การผลักดันแก้ระเบียบกรณีเรือเข้ามารับสินค้า ที่ปัจจุบันยังติดขัดในหลายส่วน

นอกจากนี้ จะเร่งแก้ปัญหาเรื่องต้นทุนกระป๋องแพง เพราะเหล็กนำเข้าแพง และไทยเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) วิธีแก้คือ ลดภาษีลง เพื่อให้เข้ามาง่ายขึ้น มาขายในราคาถูกลง ต้นทุนกระป๋องที่ใช้ในการผลิตถูกลง ก็จะแข่งขันได้มากขึ้น ซึ่งกำลังดำเนินการช่วยเหลืออยู่ เพราะการส่งออกอาหารกระป๋องเกือบ 3% ของยอดส่งออกทั้งหมด

นายจุรินทร์กล่าวว่า ประเด็นที่ต้องติดตามจากนี้ คือ การกีดกันการค้าในรูปแบบที่ไม่ใช่ภาษีจะรุนแรงขึ้น และมีรายการเพิ่มขึ้น เช่น ด้านแรงงาน สิทธิมนุษยชน สุขอนามัย สิ่งแวดล้อม เป็นต้น และที่มาใหม่ต่อไปนี้ สินค้าและประเทศไหนผลิตให้เกิดคาร์บอนทำโลกร้อนจะเก็บภาษีคาร์บอน โดยสหภาพยุโรป (อียู) เริ่มแล้วภายใน 2 ปีจะเก็บภาษีคาร์บอนนำเข้าสินค้าไปยังอียูในสินค้า 5 รายการ ได้แก่ 1. เหล็ก 2. อะลูมิเนียม 3. ซีเมนต์ 4. ไฟฟ้า 5. ปุ๋ย

ขณะเดียวกัน ต้องติดตามสถานการณ์โลก เพราะมีผลเชื่อมโยงกับการค้า อย่างสหรัฐฯ กับอังกฤษ และออสเตรเลีย จับมือกันตั้งไตรภาคีเพื่อความมั่นคงในอินโดแปซิฟิก มีนัยสำคัญคือ สหรัฐฯ จะช่วยออสเตรเลียผลิตเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งเดิมออสเตรเลียซื้อจากฝรั่งเศส และต้องศึกษาความตกลงและกติกาการค้าให้ลึก ทั้ง FTA Mini FTA และ RCEP เพื่อสร้างแต้มต่อทางการค้า รวมทั้งติดตามกรณีจีนขอสมัครเป็นสมาชิก CPTPP เพราะอาจกระทบไทย จากการที่จีนเป็นตลาดอันดับหนึ่งของไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น