xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป) พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เปิดขาย “ขนมสุนัขโฮมเมด แบรนด์ BARK & PAWS” ช่วงโควิด-19 ยิ่งล็อกดาวน์ ยอดขายยิ่งปัง!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:





เปิดร้านช่วงโควิด-19 สำหรับร้านขนมสุนัขโฮมเมดที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติแบบออร์แกนิคเกือบ 100% เพราะต้องการให้สุนัขได้กินขนมที่มีคุณภาพและปลอดภัย จึงร่วมมือกับหุ้นส่วนใช้เวลาว่างจากงานประจำมาผลิตขนมสุนัขขาย ผลตอบรับดีเกินคาดเมื่อผู้คนหันมาสนใจเลี้ยงสุนัขและสัตว์เลี้ยงอื่นๆ มากขึ้นในช่วงที่ต้องอยู่บ้านระยะยาว ขนมสุนัขของร้าน BARK & PAWS จึงตอบโจทย์และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก การันตีด้วยยอดขาย 20,000 บาทต่อสัปดาห์


นางสาวอมรารัตน์ เอี้ยวอักษร 1 ในเจ้าของธุรกิจขนมสุนัขโฮมเมด แบรนด์ BARK & PAWS เล่าว่า จุดเริ่มต้นการสร้างแบรนด์นั้นเริ่มต้นมาจากการที่ตนและหุ้นส่วนรวมทั้งหมด 5 คน และมีสุนัขเลี้ยงซึ่งเป็นเกรดประกวด โดยเป็นการเลี้ยงแบบให้ความรักไม่ใช่เลี้ยงเพื่อเป็นธุรกิจ เมื่อเลี้ยงมาได้สักพักขนมสุนัขที่มีตามท้องตลาดทั่วไปนั้นตามที่ตนได้ศึกษาข้อมูลและอ่านบทความที่น่าเชื่อถือได้กลับพบว่าในขนมสุนัขส่วนใหญ่จะมีสารที่สามารถทำให้ก่อโรคมะเร็งในสัตว์ได้ หลังจากนั้นตนและหุ้นส่วนก็เริ่มมีความคิดที่จะทำขนมให้สุนัขของตนกินเอง ดังนั้นจึงเริ่มผลิตขนมสุนัขขึ้นมาให้สุนัขที่เลี้ยงลองกิน เมื่อกินไปสักพักสุขภาพสุนัขก็ดีขึ้น ขนสวยมากขึ้นตนและหุ้นส่วนจึงตัดสินใจผลิตขายเพื่อให้สุนัขตัวอื่นได้กินเช่นเดียวกัน ปัจจุบันเปิดแบรนด์มาได้ประมาณ 2 ปี และมีสุนัขเกรดประกวดของทางแบรนด์รวมกันประมาณเกือบ 30 ตัว


ทั้งนี้จุดเด่นและความพิเศษในตัวขนมสุนัขของทางแบรนด์นั้น เจ้าของแบรนด์ให้ข้อมูลว่าทางแบรนด์จะเลือกวัตถุดิบที่ใช้เป็น Human Grade หรือวัตถุดิบที่เป็นเกรดสำหรับคนบริโภค มีคุณภาพสูง สดใหม่และปลอดภัย รวมถึงวัตถุดิบประเภทนมแพะ ซึ่งทางแบรนด์ใช้เป็นนมแพะออร์แกนิค และวัตถุดิบอื่นๆ ยังเป็นออร์แกนิคเป็นส่วนใหญ่ นอกเหนือจากเนื้อสัตว์ที่ยังไม่ใช่ออร์แกนิค 100%


นอกจากนี้ขนมสุนัขของแบรนด์จะมีการแบ่งประเภท คือ 1. กลุ่มเนื้อสัตว์ล้วนที่นำไปแล่และอบแห้งในอุณหภูมิความร้อนต่ำเพื่อแยกน้ำออก เช่น ตับหมู เนื้อวัว อกไก่ สันในไก่ เนื้อกวาง 2. กลุ่มคุกกี้ ซึ่งจะมีหลากหลายรสชาติ มากคุณประโยชน์ เช่น ใช้โปรตีนจิ้งหรีดเป็นส่วนผสมในคุกกี้เพื่อให้ลูกสุนัขสามารถกินได้และไม่ขับถ่ายเหลว สับปะรด โยเกิร์ตจากนมแพะออร์แกนิค ฯลฯ 3. กลุ่ม Best Time กลุ่มที่ไม่มีเนื้อสัตว์ผสม สำหรับกินในตอนกลางคืน มีส่วนผสมของนม น้ำผึ้ง ดอกหอมหมื่นลี้และข้าวโอ๊ต ช่วยเรื่องการหลับได้ยาวนาน ไม่ตื่นตระหนกกับเสียงรบกวนในขณะหลับ


ในส่วนของกลุ่มที่ 4. กลุ่มขนมแทะ ขัดฟัน ที่เป็นของแข็ง ทางร้านใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ เวลาสุนัขแทะเมื่อโดนน้ำลายจะนิ่มขึ้น ช่วยขัดฟันสุนัขลดคราบหินปูนโดยธรรมชาติไปในตัว และกลุ่มที่ 5. กลุ่มผลิตภัณฑ์จากกระต่าย เช่น หนังกระต่าย หางกระต่าย หูกระต่ายพร้อมขน โดยจะช่วยเรื่องถ่ายพญาธิโดยวิธีธรรมชาติ กล่าวคือ ขนกระต่ายที่สุนัขกินเข้าไปนั้นจะไปลากเอาไข่พญาธิที่อยู่ในลำไส้ออกมาพร้อมกับอุจจาระ ซึ่งขนมเหล่านี้ทางร้านแนะนำให้สุนัขที่มีอายุตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปจึงจะเหมาะแก่การกิน


นอกจากนี้สำหรับกำลังการผลิตของทางแบรนด์นั้นยังคงเป็นเอสเอ็มอีเต็มตัว ยังไม่ได้มีการใช้บริการจากโรงงานอื่น ซึ่งหุ้นส่วนทั้งหมด 5 คนจะช่วยกันผลิต โดยจะใช้เวลาว่างจากงานประจำมาช่วยกันผลิตขนมสุนัขดังกล่าว ซึ่งสามารถผลิตขนมสุนัขขายได้สัปดาห์ละ 20,000 บาท ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าของทางร้านนั้นจะเน้นกลุ่มลูกค้าที่เลี้ยงสุนัขเป็นลูก เป็นเหมือนคนในครอบครัว ซึ่งขนมของทางร้านนั้นแมวก็สามารถกินได้เช่นเดียวกัน ทำให้ได้รับฟีดแบกและผลตอบรับกลับมาในเชิงที่น่าประทับใจ ลูกค้าที่ซื้อไปให้สุนัขตัวเองกินแล้วรีวิวสินค้าให้ทางร้านก็จะเกิดการบอกต่อและเพิ่มยอดการติดตามจากกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ มากขึ้น


สำหรับรสชาติของขนมสุนัขนั้นถ้าหากเป็นตามท้องตลาดทั่วไปอาจจะมีรสชาติจากสารปรุงแต่ง แต่ขนมของทางร้านจะไม่มีรสชาติเพราะไม่ได้ใส่สารปรุงแต่ง แต่อาจจะมีรสชาติที่หวานจากผลไม้ น้ำผึ้งหรือผักบางชนิด ความมันและหอมจากข้าวโอ๊ต ซึ่งกลิ่นและรสชาติเหล่านี้มาจากวัตถุดิบที่เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้แบรนด์เริ่มต้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสจากสถานการณ์ดังกล่าว เนื่องจากผู้คนต้องอยู่บ้านมากขึ้นทำให้ตลาดสัตว์เลี้ยงโตขึ้น คนหันมาซื้อสัตว์เลี้ยงกันมากขึ้น ทำให้อาหารและขนมเหล่านี้ก็ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน


ทั้งนี้อายุการเก็บรักษาขนมสุนัขของทางร้านนั้น ถ้าหากเก็บไว้ในอุณหภูมิของตู้เย็นจะสามารถเก็บได้นานถึง 1 เดือน แต่ถ้าหากเก็บไว้ในที่แห้งอุณหภูมิปกติทางร้านแนะนำให้กินให้หมดภาย 2 สัปดาห์ นอกจากนี้ขนาดของขนมแต่ละชนิด เช่น ขนมแทะจะมีขนาด 6-8 นิ้วต่อ 1 แท่ง หรือกลุ่มที่เป็นแพคเกจ เช่น คุกกี้จะมีทั้งหมด 1 ขนาด 50 กรัม และกลุ่มเนื้อสัตว์แล่อบแห้งมีทั้งหมด 2 ขนาด คือ 50 กรัม กับ 100 กรัม


ในส่วนของการทำการตลาดของทางร้านนั้นเป็นการทำการตลาดออนไลน์แบบ 100% โดยจะเน้นโปรโมทและลงสินค้าในแอปพลิเคชั่นอินสตาแกรมที่มีฐานลูกค้าทั้งหมดประมาณ 80% เป็นหลัก และยังมีเพจเฟซบุ๊ค รวมถึงไลน์ เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางการติดต่อซื้อขาย ทั้งนี้สินค้าที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์จากกระต่าย ร่วมกับสินค้ากลุ่มขนมแทะประมาณ 75% และอีกหนึ่งซิกเนเจอร์ของทางร้านคือคุกกี้ที่ยังมีคู่แข่งทางการตลาดค่อนข้างน้อย อีกทั้งส่วนมากร้านอื่นๆ จะมีส่วนผสมของแป้งแต่ของทางร้านนั้นจะไม่มีส่วนผสมของแป้ง


นอกจากนี้ขนมสุนัขของทางร้านนั้นสามารถให้สุนัขทุกสายพันธุ์กินได้ ส่วนปริมาณและขนาดนั้น ทางร้านก็จะมีคำแนะนำเพิ่มเติมให้ว่าเหมาะกับสุนัขขนาดเล็กหรือสุนัขที่โตแล้ว ซึ่งตั้งแต่ทางร้านผลิตขนมสุนัขขายและให้สุนัขของตนเองกินแล้วนั้นความแตกต่างในด้านสุขภาพก็มีการเปลี่ยนแปลง คือ สุนัขขับถ่ายเป็นก้อน สะท้อนให้เห็นถึงความมีสุขภาพที่ดี อารมณ์ดีขึ้น นอนหลับสนิทตลอดทั้งคืน ขนสวย คราบหินปูนหลุดเองจากการกินขนมประเภทขนมแทะ


อย่างไรก็ตาม ในอนาคตทางร้านได้มีการวางแผนต่อยอดธุรกิจให้ไปในทิศทางของการส่งออกต่างประเทศ โดยมองในกลุ่มประเทศแถบเอเชียหรือในประเทศเพื่อนบ้านก่อนเป็นหลัก ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้มีการส่งออกไปต่างประเทศบ้างแล้วที่ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และพัฒนาโปรดักส์ให้มีคุณภาพต่อไป รวมถึงเพิ่มเมนูสินค้าเพื่อให้มีเมนูที่หลากหลาย และอาจจะมีการเพิ่มกำลังคนในการผลิตสินค้าออกมาให้สามารถรองรับความต้องการกลุ่มลูกค้าได้ในอนาคต

ติดต่อเพิ่มเติม

Instagram : barkandpawsth
Facebook : Barkandpawsth – Homemade Dog treats ขนมสุนัขโฮมเมด














* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด* * *
กำลังโหลดความคิดเห็น